การตลาดออนไลน์ 99 วิธี ยืนหนึ่งได้ ต้องรู้ !!! ( รวมมิตรไอเดีย อัพเดทล่าสุด )

การตลาดออนไลน์ 99 วิธี ยืนหนึ่งได้ ต้องรู้ !!! ( รวมมิตรไอเดีย อัพเดทใหม่ล่าสุด )

การตลาดออนไลน์

การตลาดออนไลน์ ทั้งไอเดีย แนวคิด และ เทคนิคต่างๆ ที่ทางทีมงานได้รวบรวมมาให้เหล่านักการตลาดและผู้ประกอบการ 4.0 ที่กำลังมองหาว่า มีอะไรบ้างในด้าน Online Marketing ที่จะเป็นตัวช่วยในการทำธุรกิจและพิชิตยอดขายให้ได้ดังใจ กับ 99 รวมมิตรไอเดีย การตลาดออนไลน์ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ใน ปี 2019 

 

 

ก่อนจะไปเต็มอิ่ม จุใจกับความรู้ในบทความนี้ เราต้องมาทำความรู้จักกับคำที่เป็นสิ่งที่ทำให้คุณมาเจอบทความนี้ได้ นั่นคือ การตลาดออนไลน์ หรือ ออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง หรือ Digital Marketing ซึ่งมีความหมาย ว่า (จาก Wikipedia) 

 

 

” The marketing of products or services using digital technologies, mainly on the Internet, but also including mobile phones, display advertising, and any other digital medium. “

 

 

” การตลาดของสินค้าหรือบริการที่ใช้เทคโนโลยีรูปแบบดิจิตอล โดยหลักๆ คือการใช้อินเตอร์เน็ต แต่ก็ยังหมายรวมไปถึง เรื่องโทรศัพท์มือถือ เรื่องการแสดงโฆษณา และ สื่ออื่นๆในรูปแบบดิจิตอลด้วย “

 

 

เมื่อรู้ความหมายอย่างนี้แล้ว BrandingChamp.com ขอพาเรามาเริ่มรู้เรื่องราวกันแบบยาวๆไปได้เลย กับ การตลาดออนไลน์ 99 วิธี ยืนหนึ่ง ได้ต้องรู้เรื่องเหล่านี้ ( รวมมิตรไอเดีย ปี 2019 )

 

รวมไอเดียการตลาดดิจิตอล
รวมไอเดียการตลาดดิจิตอล

 

  1. โฆษณาธุรกิจ ในโลกออนไลน์

 

หนึ่งใน การตลาดออนไลน์ เพื่อจะให้ธุรกิจของคุณ เป็นที่รู้จัก นอกจากจะต้องมี คอนเทนต์ ที่ดึงดูดใจแล้ว การโปรโมทธุรกิจผ่านการ โฆษณาออนไลน์ ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะคุณจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในงบประมาณได้ แต่ก็มีข้อเสีย คือ เข้าถึงผู้คนเยอะ งบก็อาจต้องเยอะมากตามไปด้วย และที่สำคัญหากไม่โดนใจ การข้ามโฆษณา ทำได้ง่ายมาก

 

 

 

  1. ปรับตัวสู่ยุคดิจิตอล

 

อาจมีโอกาสอยู่บ้างที่แผนการตลาด ไม่ได้เป็นไปตามที่คุณคิด และวางแผนเอาไว้ คุณจำเป็นพร้อมเสมอในการ ปรับตัว ยืดหยุ่น และ ปรับเปลี่ยน ในเรื่องของแผนการ ให้เข้ากับยุคสมัยด้วย เพื่อทำให้มันเป็นไปตามที่คุณมุ่งหวังเอาไว้ โลกออนไลน์ปัจจุบันอยู่ใกล้แค่ก้มมองในมือคุณแค่นั้น ถ้าคุณยังยึดติดอยู่แค่กับแผนเดิมๆ เรื่องเดิมๆ รังแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง ปรับตัวสู่แผนการตลาดออนไลน์

 

 

 

  1. กลุ่มลูกค้าคือใครในตลาดออนไลน์

 

ถ้าตอบโจทย์นี้ได้ คุณจะรู้ว่า ต้องใช้ กลยุทธ์ใดในโซเชียลเน็ตเวิร์ก และรวมถึงรู้ว่าต้องใช้คอนเทนต์ประเภทใดมาดึงดูดกลุ่มลูกค้า การกำหนดกลุ่มเป้าหมายทำได้โดย เลือกตาม ลักษณะประชากรศาสตร์ Demographics เช่น เพศ อายุ สถานภาพ รายได้ และ ลักษณะจิตวิทยา Psychographics โดยดูจาก รูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น งานอดิเรก ไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมการซื้อ แบรนด์คู่แข่ง ยิ่งผู้ประกอบการที่ใส่ใจ รู้ข้อมูลลูกค้ามากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสร้างคอนเทนต์ได้โดนใจลูกค้ามากขึ้นเท่านั้น

 

 

 

  1. คอนเทนต์แบบไหน ดี บนโลกออนไลน์

 

คอนเทนต์ Content แบบไหนทำให้บรรลุเป้าหมาย คอนเทนต์แบบไหนที่ทำให้กลยุทธ์การใช้สื่อโซเชียลฯ ก้าวไปอีกขั้น เป็นอีกคำถามที่ผู้ประกอบการต้องตอบให้ได้ ซึ่งวิธีง่ายๆ ในการหาคำตอบคือ ลิสต์ประเภทของคอนเทนต์ที่ตกหล่น หน้าตาคอนเทนต์ที่ต้องการ และสิ่งที่ต้องการเพิ่มเข้าไปในการสร้างเนื้อหาคอนเทนต์

 

 

  1. ใช้การเล่าเรื่องอย่างมีเทคนิค

 

การทำตลาดออนไลน์วันนี้ คงไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน เพราะคนเข้าถึงอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ว่าแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ จะสื่ออะไรออกไป ลูกค้าจะยังไม่ปักใจเชื่อ ในทันที ดังนั้นหน้าที่ของนักการตลาดออนไลน์ จำเป็นจะต้อง ใช้เทคนิค Story Telling การเล่าเรื่องให้เหมือนเล่านิทาน มีการร้อยเรียง เรื่องราวต่างๆ บิ๊วอารมณ์ ดึงดูดความสนใจ และทำให้ลูกค้า รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ ให้จงได้

 

 

  1. การค้นหาวัตถุประสงค์ทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์

 

การมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน จะทำให้เกิดโอกาสที่ผู้สนใจ จะกลายมาเป็นลูกค้าในภายหลัง เทคนิค การตลาดออนไลน์ ที่ค่อนข้างจะได้ผลชัดที่สุด คือ การวให้ความ เพื่อการบอกต่อ เมื่อผู้คนเริ่มได้รับรู้ข้อมูล ผ่านหู ผ่านตา เกี่ยวกับ สินค้าหรือบริการ ของคุณ หรือ มีการรับรู้ว่า มีสินค้าหรือบริการ ที่น่าจะตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้

 

จากนั้นผู้คนจะเริ่มค้นหาในโลกออนไลน์ เพื่อข้อมูลเพิ่ม วิธีแรก คือ การค้นหาใน Google แล้วเข้าเว็บที่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถ้าเว็บของคุณ ติดหน้าแรก บน กูเกิ้ล ในขั้นนี้ คอนเทนต์ สำคัญมาก จำเป็นต้องมีกลยุทธ์การตลาดออนลไน์ ให้กับคอนเทนต์ โฟกัสไปที่การให้ความรู้ ให้ข้อมูลจำเป็น เป็นประโยชน์ต่อผู้ติดตาม

 

 

 

  

  1. การทำงานจำเป็น ต้องมี กลยุทธ์ Strategy

 

ในกระบวนการ การทำ การตลาดออนไลน์ ต้องมีขั้นตอนชัด โดยมี

 

    Strategy การวางกลยุทธ์ต้องชัด แต่แรก

    Execution การลงมือทำ ตามกลยุทธ์ที่วางไว้

    Insights ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า

    Optimization ปรับปรุงอยู่เสมอ ถ้าแผนที่วาง ไม่เวิร์ก ต้องยืดหยุ่นให้ได้ แต่ต้อง “ ไม่ใช่การเปลี่ยนกลยุทธ์หลัก ” เพราะบางทีอาจเกิดจาก execution ที่ไม่ดี ดังนั้นต้องพร้อม optimize อยู่ตลอดเวลา วิเคราะห์ว่าอะไรดีก็ทำต่อ อะไรไม่ดี ก็จำเป็นบทเรียน

 

 

 

  1. กลยุทธ์การตลาดแบบบูรณาการ integrated marketing

 

การทำงานแบบแยกไปหลากหลายหน่วยงานกัน มักจะทำให้เกิดการสูญเสียมากกว่าได้ เช่น หน้าที่ผลิตสินค้าก็ผลิตไป ทีมสื่อสารการตลาดก็สื่อสารตามหน้าที่กันไป

 

จะดีกว่ามั้ย ถ้ามี integrate หรือ บูรณาการ อย่างจริงจัง เช่น ฝ่ายการตลาดจะเข้ามาช่วยในการผลิตสินค้าใหม่ โดยคำนึงถึง กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และพร้อมกันนี้ยังทำให้การสื่อสารการตลาดเกิดขึ้นไปพร้อมๆกันได้อีกด้วย สินค้าที่มีดี มีคุณสมบัติโดดเด่น จะสามารถเอาไปสื่อสารให้น่าสนใจได้ทันที

 

จะดีกว่าแน่นอน ถ้าทุกอย่างเชื่อมและช่วยกันทำงานกันมาตั้งแต่ต้น การตลาดออนไลน์ ต้องเน้นความรวดเร็ว และ การมองว่าภาพรวมให้ได้ว่า จะทำอะไร จะขายอะไร จะทำแคมเปญอะไร ต้องคิดเผื่อการสื่อสารในทุกๆ ช่องทางไว้ด้วย

 

 

  1. รู้จักการผสมผสานให้เข้ากันได้อย่างลงตัว

 

การตลาดออนไลน์ เปรียบเสมือน ภาพจิ๊กซอว์ ขนาดใหญ่ ซับซ้อน ยิ่งถ้าเป็นเรื่องการตลาดผ่านการทำอันดับผมกูเกิ้ล โดยเฉพาะการทำ SEO , การเลือกใช้คำค้น คีย์เวิร์ด รวมถึง เทคนิคอื่นๆ การใช้ โซเชี่ยลมีเดีย อย่างจริงจังและถูกทิศถูกทาง ต้องใช้ประสบการณ์

 

โดย การตลาดออนไลน์ ที่ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องผสมทั้งหมดนี้ ให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อคุณเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกันได้แล้ว โอกาสที่การทำการตลาดออนไลน์ของคุณจะประสบความสำเร็จจะเพิ่มทวีคูณ

 

 

 

  1. การค้นคว้า ต้องทำให้ถนัดมือ

 

เพราะ ทักษะในด้านการค้นคว้า เป็น ทักษะพื้นฐาน การวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ ไม่ใช่แค่ การค้นคว้าหาแต่ เทรนด์ใหม่ๆ แต่ การค้นคว้า จริงจังจะช่วยให้คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาดได้อีกด้วยการเข้าถึงข้อมูลและรู้ว่าจะใช้มันยังไงคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จของกิจกรรมทางการตลาด

 

 

  1. การใช้ เน็ตไอดอล บล็อกเกอร์ หรือ influencer

 

สำหรับ ผลิตภัณฑ์หลายอย่าง การที่มี คนเด่นคนดัง คนที่เป็นตัวแม่ตัวพ่อ ศูนย์รวมความคิดเห็น และ เป็นหัวหน้ากลุ่ม แก้งค์ที่เป็นที่รัก ที่ชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ มาเป็นผู้สื่อสาร บอกเล่า ประสบการณ์ ถ่ายทอด Message ของแบรนด์ ออกไปยังลูกค้า เป็นอีกวิธี หนึ่งที่ได้ผลดีมาก และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะมีความเฉพาะเจาะจง Niche แยกไปตามหมวดหมู่ แต่ก็อยู่ที่ว่า คุณจะนำเสนอคอนเทนต์นั้นได้น่าสนใจหรือไม่

 

 

  1. จงสร้างความสัมพันธ์อันดี ในทุกช่องทาง

 

สื่อออนไลน์ Digital Media ถือเป็น เครื่องมือสำคัญ ที่สามารถเพิ่มปริมาณ การเข้าถึงของคนกลุ่มใหม่ๆ ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ถ้าไม่ได้มีการสร้าง ความสัมพันธ์อันดี กับ บล็อกเกอร์ กับ influencer หรือ เน็ตไอดอล เอาไว้บ้างเลย เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะ การมีความสัมพันธ์ที่ดีจะทำให้แบรนด์ของถูกพูดถึงไปในกลุ่มผู้ติดตาม ผู้เข้าชม

และส่วนใหญ่จะอยากถามไถ่ พูดคุย ถึงธุรกิจนั้นๆ แนะนำให้ ติดตามบรรดา บล็อกเกอร์ influencer ในช่องทางออนไลน์ ต่างๆ ทั้ง Facebook , Twitter , Youtube , Instagram ในกลุ่มที่ตรงกับธุรกิจของคุณ เพื่อที่จะ แบ่งปันเนื้อหาดีๆ จากแบรนด์ของคุณ ให้ผู้ติดตามได้แสดงความเห็น เพื่อที่คุณจะสามารถเรียนรู้ข้อมูล insight ของลูกค้า และ ทราบทิศทางความร่วมมือกันในอนาคต

 

 

  1. ใช้ การตลาดออนไลน์ สานสัมพันธ์กับลูกค้า

 

วัตถุประสงค์ หนึ่งของ การสื่อสารการตลาดแบบออนไลน์ กับลูกค้า ก็เพื่อนำไปสู่ การเป็น ลูกค้าในระยะยาว Lifetime Value Customers ซึ่งสามารถทำได้โดย วิธี ออกแบบเนื้อหาคอนเทนต์ สำหรับลูกค้าเก่า ลูกค้าประจำ ที่เคยอุดหนุนกันมาแล้ว ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าคุณไปแล้ว แต่งานของคุณ ยังไม่จบ ยังต้องมีเรื่องของการส่งของ การขอให้ความคิดเห็นจากลูกค้า ให้ลูกค้าช่วยรีวิว การรับประกัน และ การให้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องการใช้ และแนะนำสินค้าตัวอื่นๆ ของคุณที่สามรถนำไปใช้ร่วมกัน เพื่อปูทางไปสู่ การซื้อซ้ำ การออกแบบ การสื่อสารการตลาด จะต้องแตกต่างออกไป

 

 

  1. ซื้อโฆษณาในเฟซบุ๊ก Facebook Adverts

 

การยิงแอดเฟซบุ๊ก สามารถตรงเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้โดยตรง และ facebook ยังมีรูปแบบของโฆษณาหลากหลายให้ได้เลือก ให้ตรงตามความเหมาะกับจุดประสงค์ทางธุรกิจที่วางแผนกลยุทธ์ไว้ ตัวอย่างเช่น การสร้างการรับรู้ให้แบรนด์ สร้างรายชื่อคนที่สนใจสินค้า เป็นต้น โดยคุณสามารถกำหนด Segment ของลูกค้าเป้าหมาย ได้หลากหลาย ตาม ช่วงอายุ เพศ ภาษา ความสนใจ พฤติกรรม รวมถึง กำหนดงบโฆษณาได้ด้วยตนเอง

 

 

  1. การทำ การตลาดออนไลน์ ใน เครื่องมือค้นหา Search Engine Marketing

 

SEM หรือ search engine marketing คือ การทำให้สินค้าของคุณ ติดอันดับ ผลลัพธ์จากการค้นหา ในหน้าแรกๆ และลำดับต้นๆ ซึ่งจะทำให้คุณถูกเห็น และ กดคลิ๊กเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณ อันดับต้นๆยังทำให้เว็บของคุณถูกคลิกได้บ่อยกว่าเว็บไซต์ที่อยู่ด้านล่าง หรือ ที่อยู่ในหน้าอื่นๆ โดยในกูเกิ้ล SEM จะคล้ายกับการซื้อโฆษณาในเฟซบุ๊ก ซึ่งคุณสามารถกำหนดงบโฆษณาโดย ระบุได้ว่า จะจ่ายค่าโฆษณาเมื่อมีคนคลิ๊กเข้าเว็บของคุณ

 

จากการค้นหาโดยคำค้น Keyword อะไร หรือ เรียกอีกอย่างว่า Google Ads (เปลี่ยนชื่อมาจาก Google Adwords) คือการทำโฆษณาแบบ คิดเงินเป็น PPC ( Pay-Per-Click ) โดยการคิดเงิน จะคิดเมื่อมีผู้คลิกที่โฆษณาของคุณ ตำแหน่งของโฆษณาของคุณที่จะถูกแสดงขึ้นมา จะขึ้นอยู่กับ การประมูล Bidding ถ้ามีคู่แข่งร่วมประมูลคำคำนั้นมากๆ ค่าคลิ๊ก ก็จะยิ่งแพง

 

 

  1. อย่าปิดกั้นการเรียนรู้ ที่จะใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค ให้หลากหลาย

 

ในแวดวง การตลาดออนไลน์ มีการพูดถึงอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่องของ Twitter ทวิตเตอร์ ซึ่งมีผู้ใช้งานคนไทยเยอะมากเป็นอันดับต้นๆของการใช้สื่อโซเชียลฯ แต่ ก็ยังไม่ค่อยมีแบรนด์เข้ามาทำการตลาดเท่าที่ควร

 

อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ การไลฟ์สด Live แบรนด์ส่วนมากจะนิยม ไลฟ์สดผ่าน Facebook Live เป็นหลัก ทั้งที่ ใน YouTube , Instagram หรือ Twitter ก็สามารถทำการไลฟ์ได้เหมือนกัน การเรียนรู้ฟีเจอร์เหล่านี้ อาจทำให้แบรนด์ของคุณเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร้คู่แข่ง ถ้าเข้าธรรมชาติของ ผู้ใช้งาน Twitter , Instagram, YouTube และ อื่นๆอีกมากมาย การเปิดใจ เรียนรู้หาประโยชน์ของแต่ละแพลตฟอร์ม ทำความเข้าใจมันจริงๆ ในที่สุด คุณก็จะไม่ต้องเสี่ยงเอาธุรกิจของคุณไปพึ่งหาเฟซบุ๊กอย่างเดียว

 

  1. เว็บไซต์ที่สวยและดูดี ไม่ได้หมายถึงเว็บนั้นจะมียอดขายดี

 

เว็บ เปรียบเหมือน หน้าร้านของคุณบนโลกออนไลน์ ถ้าไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ ใช้ให้ถูกวิธี มันจะร้าง และ ไม่มีคนเข้า หนึ่งในการทำการตลาดออนไลน์ ที่ดี ควรคำนึงถึง การพัฒนาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง เพิ่มเนื้อหา หาคอนเทนต์ต่างๆมาลงบนเว็บ และปรับปรุงมันอย่างสม่ำเสมอ ลูกค้าสามารถติดตามข่าวสารต่างๆ ความก้าวหน้าของสินค้าและธุรกิจของคุณ การบริการใหม่ๆ

 

เว็บที่ดี จะส่งให้คุณเป็นที่รู้จักในตลาดออนไลน์มากขึ้น สร้างโอกาสในการติดต่อกับลูกค้าใหม่ๆ สร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่ง กลับกัน ถ้าเว็บห่วย ใช้ยาก ดูงงๆ ไม่ทันสมัย ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีข้อมูลให้ลูกค้า จะสร้างประสบการณ์แย่ๆ และ ไม่ก่อให้เกิดโอกาสในทางธุรกิจ

 

  1. การตลาดออนไลน์ ด้วยคอนเทนต์ Content Marketing

 

นักการตลาดออนไลน์ รู้ดีว่า Content เป็นสิ่งที่เชื่อมประสบการณ์ของลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการของธรุกิจและแบรนด์ การสื่อสารและเรื่องเล่าที่ดี จำเป็นอย่างยิ่งในการการขาย

 

แบรนด์ที่มีการวางแผนคอนเทนต์มาอย่างดี สามารถใช้คอนเทนต์สื่อกับกลุ่มลูกค้าได้อย่างสร้างสรรค์ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในเรื่องการทำการตลาดด้วยคอนเทนต์ จะกลายมาเป็นเดิมพันสำคัญ สำหรับเหล่านักการตลาดออนไลน์ ในการยึดเก้าอี้ตำแหน่งของตัวเองไว้

แบรนด์จะใช้การวิเคราะห์กระบวนการซื้อของลูกค้า มาวางแผนกลยุทธ์ในการทำ Content ส่วน

บริษัทแบบ b2c จะมีจุดยืนสาธารณะมากขึ้น ยอมจ่ายเงินให้กับ Content ที่เป็นวิดีโอมากขึ้น ด้วยความเห็นที่ว่า YouTube และ Facebook เป็นช่องทางสำคัญที่สุดในการเผยแพร่คอนเทนต์

 

Content Marketing และ รายได้ จะแปรผันตรงต่อกัน นักการตลาดออนไลน์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการทำการตลาดออนไลน์ด้วย Content ที่ดี มีนัยสำคัญต่อยอดขายโดยตรง นอกจากนั้นการสร้างคอนเทนต์ต้องรักษาความต่อเนื่อง และเลี่ยงเรื่องน่ารำคาญ นักการตลาดจะเลือกใช้กลยุทธ์ในการสร้างคอนเทนต์ และ อาจจะเพิ่มประสิทธิภาพของคอนเทนต์โดยการขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ AI สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

นักการตลาดออนไลน์ที่เก่งจริง จะแสดงให้เห็นได้ชัด ในเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่อยู่เบื้องหลังคอนเทนต์ของเค้า

 

  1. เป้าหมายจริงๆของธุรกิจ คือ Why?

 

คำถามนี้สำคัญมากๆ เพราะ การรู้เป้าหมายที่แท้จริงของธุรกิจจะช่วยให้ผู้ประกอบการพัฒนากลยุทธ์ การตลาดออนไลน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้ได้แม้กระทั่งแนวทางการโพสต์คอนเทนต์ในช่องทางออนไลน์ เริ่มตอบปัญหากับตัวเองให้ชัดเจนก่อน ว่า Why? หรือ คุณเริ่มธุรกิจนี้เพื่ออะไร? แล้วเริ่ม ตั้งเป้าหมาย ให้ชัดขึ้น ชัดขึ้น โดยใช้หลักการ ดังนี้

 

    มีความชัดเจนในการตั้งเป้าหมาย เฉพาะเจาะจง Specific

 

    การตั้งเป้าหมายของคุณต้องสามารถวัดผลได้ Measurable

 

    มีการวางแผนปฎิบัติการอย่างมีขั้นตอน Actionable

 

    จงตั้งเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ Realistic

 

    มีระยะเวลาที่ชัดเจนในการดำเนินงาน Time-bound

 

 

 

 

  1. เลือก กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ให้ชัดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

ไม่ว่าจะทำโฆษณาออนไลน์ในช่องทางต่างๆ หรือ ทำเว็บของบริษัท สำคัญที่สุด คือ ต้องรู้จักกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจแบบ B2B หรือ B2C การที่คุณรู้ว่า ธุรกิจที่สร้างขึ้นมานี้ ทำ “เพื่อ” ตอบสนองความต้องการของใคร จะช่วยในการสื่อสารการตลาดออกไปได้น่าดึงดูดใจ และ เพิ่มโอกาสการปิดการขายได้มากขึ้นด้วย

 

ดังนั้น เวลาสื่อสารกับลูกค้า คุณจะต้องรู้ถึง ปัญหา และ อุปสรรค (Pain Point) ที่กลุ่มลูกค้าของคุณ เจอในทุกๆวัน เมื่อรู้ปัญหาของลูกค้า และ สามารถเสนอทางแก้ปัญหานั้นได้ดี จะทำให้ลูกค้าใหม่ๆ เริ่มสนใจ และ ติดต่อเข้ามา เป็นลูกค้าของคุณได้ในที่สุด

 

 

 

  1. ใช้ความ ผิดพลาด และ คำวิจารณ์ มาเป็นแรงผลักให้พัฒนาก้าวต่อไป

 

จงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และ ความผิดพลาดของตัวเอง และ ของคู่แข่ง รวมไปถึง คำวิจารณ์ ทั้งด้านดี และ ไม่ดี ทั้งหลาย มาใช้เพื่อพัฒนาธุรกิจให้ดีและตรงใจลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

 

  1. ความสัมพันธ์สำคัญกว่า Engage

 

แฟนเพจ Fanpage เป็นศัพท์เก่า ที่ใช้เรียก เพจ แถมเฟซบุ๊กก็ไม่ใช้คำนี้แล้ว ถ้า ปั้นเพจซักเพจ สมัยนี้ การวัดผล ไม่ควรเป็น จำนวนคนที่มาไลค์เพจ เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์กยังไม่ได้ปรับ ลดการเข้าถึง Reach

เพจ สมัยนี้ ระดับล้านไลค์ แต่ Engagement Rate ต่ำ จนแทบจะ เป็น เพจร้าง ไปเลยมีเยอะแยะ ดังนั้น การทำการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะใน เฟซบุ๊ก ยอด Like เพจ ซักหมื่น ก็หรูแล้วแต่สิ่งที่ยากกว่านั้น คือ จะทำให้คน engage กับเพจ ยังไง อันนี้สำคัญสุด

 

 

 

  1. เทรนด์การทำ การตลาดออนไลน์ ด้วยการซื้อโฆษณาโปรโมทเว็บจะแข่งกันอย่างรุนแรง

 

ผลสำรวจ จาก ETDA เรื่องการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคนไทย พบว่า ปี 2559 คนไทยใช้อินเตอร์เน็ตเฉลี่ย 6.24 ชั่วโมงต่อวัน การใช้สื่อโซเชี่ยล มาเป็นอันดับ 1 ที่น่าสนใจ คือ การช้อปปิ้งออนไลน์ ติด Top 5 ของการใช้งานอินเตอร์เน็ต อีกด้วย เลยทำให้ แบรนด์ต่างๆ หันมาสนใจ ทำ การตลาดออนไลน์ กันมากขึ้น เพราะ เชื่อว่า จะทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ดีและตรงที่สุด จึงเกิดเม็ดเงินลงทุนที่สูงขึ้น ผิดหูผิดตา

วิธีการรับมือที่ดีและคุ้มค่าที่สุด คือ การทำให้เว็บของคุณ ให้ติดอันดับ Google ด้วยการทำ SEO ไปพร้อมๆ กับ การยิงโฆษณาในโซเชี่ยลมีเดีย แต่ก็แน่นอน ว่า การทำ SEO อาจจะไม่เห็นผลเร็วเท่ากับการยิงโฆษณาออนไลน์ จะส่งผลต่อธุรกิจได้ในระยะยาว  

 

 

  1. คุณลองทำ การตลาดออนไลน์ ผ่าน Google ครบทุกรูปแบบหรือยัง?

 

การมี กิจกรรมการตลาดออนไลน์ บนกูเกิล มีมากมาย หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การทำ Search Engine Optimization – SEO , การซื้อโฆษณากูเกิ้ล Google Ads , การซื้อโฆษณาคำค้น Search Engine Marketing , การซื้อโฆษณาแบนเนอร์ในเว็บพันธมิตรของกูเกิ้ล Google Display Network ,

 

การซื้อโฆษณาแบบวีดีโอในช่อง Youtube , การซื้อโฆษณาแบบช้อปปิ้ง Google Shopping ผ่าน Google Merchant , การซื้อโฆษณาแบบ Location base ผ่าน Google My Business , การยิงโฆษณาซ้ำไปยังผู้ที่เคยเข้าชมเว็บ Google Remarketing , การทำการตลาดด้วยแอพพลิเคชั่นใน Google Play และ ยังมีอื่นๆอีกมากมาย

 

 

  1. ติดตามผล ของแผน การตลาดออนไลน์ บ้างหรือไม่          

แผนที่วางไว้ ดำเนินไปถึงขั้นไหนแล้ว การติดตามอยู่เสมอๆจะช่วยให้คุณรู้ว่า การตลาดออนไลน์ ในแผนนี้ มีส่วนไหนที่ต้องปรับปรุง หรือ ส่วนไหนที่ต้องคงไว้

              

สำคัญที่ คุณจะต้องคำนึงถึง การมีส่วนร่วมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในแต่ละช่องทางออนไลน์ คอนเทนต์คุณภาพสูง ความสม่ำเสมอในการโพสต์ ลูกค้าจะเป็นผู้ออกมาเฉยเอง ว่า แบรนด์ของคุณควรจะเน้นที่แพลตฟอร์มออนไลน์ เจ้าไหน

 

 

 

 

  1. ผลลัพธ์ของการทำ การตลาดออนไลน์ ด้วยการใช้อีเมล์ E-mail Marketing

 

E-mail Marketing คือ การตลาดผ่านอีเมล เพื่อส่งข่าวสาร โปรโมชั่น ต่างๆ ถึง ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย หรือ ลูกค้าที่เคยใช้อีเมลไว้ด้วยตนเอง การตลาดออนไลน์วิธีนี้ที่ต้นทุนต่ำ และยังมีอัตราการเปลี่ยนมาเป็นลูกค้า (Conversion Rate) ได้ถึง 1% – 3% และถ้าลองเทียบกับ การตลาดออนไลน์รูปแบบอื่นๆ อีเมลมาร์เก็ตติ้ง ถือเป็นการทำการตลาดทางตรง Direct Marketing ที่ตรงกลุ่ม และ สามารถวัดผลได้ชัดเจน

 

 

 

  1. การตลาดออนไลน์ แบบเจาะจงความเฉพาะตัวของบุคคล Personalized Marketing

 

การตลาดออนไลน์ ยุคอนาคต ที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว คือ การทำการตลาดแบบเจาะจงความเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล Personalized จะเข้ามามีบทบาทเด่น เพื่อเป็นตัวสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ยกตัวอย่างของ การทำการตลาดออนไลน์แบบ Personalized เช่น

 

แบรนด์โค้ก เคยเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าไปใส่ ชื่อ ของตนเอง หรือ เพื่อน ในเว็บไซต์ โดยที่ชื่อเหล่านี้จะไปปรากฏในโฆษณาทางทีวีในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ (ช่วงเวลาที่มีคนดูทีวีเยอะที่สุด) จนทำให้สาวกโค้กต้องมานั่งรอดูโฆษณาที่จะมีชื่อของตนและชื่อเพื่อนๆปรากฏ

 

อีกหนึ่ง Personalized ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้ เช่น การใช้ Email Marketing Software ในการ Personalized e-mail ของคุณ การเรียก ชื่อ ของลูกค้าคนนั้นโดยตรง เช่น สวัสดี คุณธิติพล แทน สวัสดีเฉยๆ จะให้ความรู้สึก เหมือนเป็นคนจริงๆที่เขียนอีเมลส่งมาให้

หรือ แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยอย่างข้อความทักทายผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เคยสั่งซื้อแล้ว โดยเรียกชื่อของลูกค้าคนนั้นเมื่อกลับเข้ามาที่เว็บไซต์อีกครั้ง

 

 

  1. เฉียบ

 

นักการตลาดออนไลน์ ที่เก่งจริง ไม่ใช่แค่การทำตามๆกัน ทำตามกระแส แต่ ควรเป็นผู้นำเทรนด์  First Mover โดยต้องมองให้เห็น อย่างปรุโปร่ง ต่อสถานการณ์ที่จะสามรถสร้างโอกาสได้ อย่างเฉียบ คม ซึ่งทักษะลักษณนี้ ได้จากประสบการณ์ ไม่มีคำว่าผิด ความว่าถูก 100% ในโลกของการตลาดออนไลน์ การมีทักษะ จะช่วยให้ คุณสามารถนำแผนกลยุทธ์ ที่วางเอาไว้แล้ว ไปใช้ได้จริง Execute และวัดได้ผล หรือ ไม่ได้ผล เพื่อนำมาปรับ ให้ เฉียบ ขึ้นไปอีก

 

  1. ความกลมเกียวเป็นหนึ่งเดียวสอดคล้องกัน

 

ทุกขั้นการทำการตลาดออนไลน์ สามารถทำให้สำเร็จได้ แต่ ต้องแน่ใจ ว่า ทุกขั้น ทุกตอน มีการทำงานที่สอดประสานไปในทางเดียวกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของธุรกิจที่วางไว้ ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ เป้าหมายต้องมีแล้ว เช่น เพิ่มคนเข้าเว็บปริมาณเท่าไหร่ , เพิ่มยอดขายกี่เปอร์เซ็นต์ โดยทุกๆขั้น มุ่งไปยังเป้าหมายเดียวกัน

ในทางปฎิบัติการทำ ” การตลาดออนไลน์ ”  ให้ได้ผลดีในธุรกิจขนาดย่อม กลยุทธ์การตลาดลงมือทำด้วยตัวเอง จะทำให้เข้าใจมากขึ้นส่งผลทางการตลาดที่ดีที่สุด แบ่งเวลาที่คุณมี เพื่อศึกษาขั้นตอน การทำการตลาดออนไลน์ บ้าง

 

 

  1. ทำ วีดีโอ ให้ปัง โดนใจ แล้วใส่ไว้ใน YouTube

 

YouTube ถือเป็นส่วนหนึ่งของ การทำตลาดออนไลน์ ไปแล้ว มันมีอิทธิพลมาก แถามยังส่งผลต่อ การค้นหาข้อมูลของลูกค้าเพื่อทำความรู้จักกับสินค้าของคุณ ไม่ว่าจะเป็น วิธีใช้ หรือ ผลลัพธ์หลังการใช้ การมี วีดีโอ บน YouTube ให้ปัง ต้องนำเสนอให้น่าสนใจ ดึงดูด ช่องยูทูปสามารถเป็น ช่องทางในการทำตลาดออนไลน์อย่างดี เพราะ ถ้าวีดีโอที่คุณทำออกมา เป็นที่นิยม ตรงใจคนส่วนใหญ่ สินค้าหรือธุรกิจ ของคุณ จะมีโอกาสสูงที่จะเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้าง ส่งผลดีต่อยอดขาย

 

 

  1. ข้อมูลเชิงลึกแบบสไตล์คนไทย ห้ามมองข้าม

 

หลายครั้ง ในการทำการตลาดออนไลน์ จำเป็นต้องเอาสถิติ หรือ องค์ความรู้ ของฝรั่งต่างชาติมาใช้อ้างอิง แต่ จริงๆแล้งพฤติกรรมผู้บริโภคก็มีความเกี่ยวพันกับเรื่องเชื้อชาติและวัฒนธรรมอยู่มาก การใช้ข้อมูลเก็บข้อมูลจากคนไทยด้วยจำเป็นอย่างยิ่ง ตัวอย่างพฤติกรรมออนไลน์ที่มีเฉพาะคนไทย เช่น ไลฟ์สดขายของ การฝากร้าน การโอนเงินก่อนได้รับสินค้า ความเป็นไทย ที่ชาติอื่นไม่เข้าใจมีเยอะ นักการตลาดจึงจำเป็นต้องคิด วิเคราะห์ Insight ของไทยสไตล์ด้วย

 

 

  1. นักเขียนรับเชิญในบล็อกของคนอื่น Guest blogging

 

เรื่องนี้ นักการตลาดออนไลน์ ในสหรัฐฯ นิยมทำกันมาก คือ คุณสามารถเข้าถึงฐานแฟนคนอ่านของคนอื่นได้ ผ่าน Blog ของเค้า โดยการเป็นนักเขียนรับเชิญในบล็อก Blog ของคนดังๆคนอื่น ซึ่งมีหลายๆ Blog ยินดีต้อนรับนักเขียนรับเชิญ Guest Blogging แต่ ก็ควรจำไว้ด้วย ว่า การเป็นนักเขียนรับเชิญใน Blog ของคนอื่น ต้องเคารพพื้นที่ของเขา และ ฐานแฟนผู้ติดตามของเขาด้วย ดังนั้นจึงควรเขียนให้เนื้อหาออกมามีเป็นประโยชน์กับคนอ่านเป็นสำคัญ ไม่ใช่จ้องจะขายของอย่าเดียว เนื้อหาที่เขียนนั้นควรสอดคล้องกับเนื้อหาใน Blog นั้นๆด้วย

 

 

  1. เล่าและส่งต่อเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊ก

 

เฟซบุ๊ก เป็นเครื่องมือ ในการทำ การตลาดออนไลน์ ประสิทธิภาพสูง ที่จริงๆแล้ว คุณไม่จำเป็น ต้องเสีย ค่าใช้จ่าย เลย เพราะ Facebook สามารถสร้างเฟซบุ๊กเพจของคุณเองได้ และ คุณสามารถใช้พื้นที่นี้ ขายสินค้าของคุณ ได้ทันที แต่ บอกไว้ก่อนว่า หากคุณใช้เพจ ให้ถูกต้องตามวิธี ทำการตลาดออนไลน์ ที่ดี คุณจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเพจได้ ด้วยการใช้พื้นที่ เพจ เป็นช่องทาง เล่าเรื่อง ส่งต่อเรื่องราวของคุณ ให้กับผู้ติดตาม หรือ ลูกค้า ได้รวดเร็ว และ ตรงกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น โปรโมชั่น แนะนำสินค้าใหม่ แจ้งกำหนดการของกิจกรรม ต่างๆ สามารถทำได้อย่างทั่วถึงตรงไปที่แฟนคลับของคุณ ได้ทันที

ฉะนั้นอย่ามุ่งแต่จะขาย ขาย แล้วก็ ขาย อย่างเดียว จงส่งสารและสื่อสารเรื่องราวดีๆ น่าสนใจ ให้ผู้คนที่ติดตามด้วย

 

 

 

  1. ต้องมีเงินมากมายขนาดไหน ถึงจะทำ การตลาดออนไลน์ สำเร็จ

 

งบที่ใช้ในการยิงโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์ ต้องมีมากเท่าไหร่จึงจะทำการตลาดได้ดีและสำเร็จ  การถามคำถามนี้ ไม่ถูกต้องนัก ถ้าเป็น SMEs ที่มีทุนน้อย คำถามที่ถูกต้องควรจะเป็น ต้องทำคอนเทนต์ แบบไหนให้โดนใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณได้ เพราะกานตอบโจทย์หลังนี้ได้ งบประมาณ ก็ไม่เกี่ยวข้อง

 

 

  1. เข้าใจจังหวะชีวิต พิชิตอารมณ์อยากซื้อของลูกค้า Micro moment

 

สมัยนี้ มือถือทำให้เราสามารถรับข่าวสาร เรื่องราวได้แทบจะตลอดเวลา หาข้อมูลก็รวดเร็วง่าย เวลาที่คนเราต้องการจะรู้ หรือ ต้องการทำอะไรซักอย่าง เรามักจะอยาก ได้รับการตอบสนองความต้องการนั้นในทันที กูเกิ้ล Google ให้คำนิยาม “ จังหวะ ” ที่เรามีอารมณ์แบบนั้นว่า Micro moment หรือ ช่วงเวลาที่ผู้บริโภคได้รับการตอบสนองความต่อความต้องการได้ในทันที”

 

แบ่งออกเป็น 4 ช่วงเวลาจังหวะอารมณ์

 

  1. ต้องการรู้เดี๋ยวนี้

โมเม้น นี้ มักเกิดขึ้นเมื่อมีอะไรมาสะกิดใจ ทำให้ต่อมอยากรู้ทำงาน แล้วสามารถเข้าถึงคำตอบหรือแหล่งข้อมูลในเน็ต ด้วยมือถือของเราได้ทันที

 

  1. ต้องการไปในทันที

โมเม้น นี้ จะเกิดขึ้นเวลาเรากำลังเดินทาง เช่น เที่ยวเชียงใหม่แล้วอยากหาร้านอาหารและเส้นทางไปที่ร้านนั้นทันที เปิดมือถือดู Maps แล้วหาเส้นทาง Direction ไปได้ทันที

 

  1. ต้องการทำตอนนี้

เช่น มีของ พัง เสีย ในบ้านคุณ ความรู้สึกอยากจะทำอะไรสักอย่าง อยากเช็ค อยากจะลองซ่อม การตอบสนองต่อความต้องการนี้ คือ การที่คุณเปิดเข้า Youtube แล้วหาวิธีซ่อม ดูวีดีโอสาธิตการทำได้ทันที

 

  1. ต้องการซื้ออันนี้ตอนนี้เลย

สำหรับนักการตลาดออนไลน์ โมเม้น นี้ สำคัญที่สุด เพราะเป็นจังหวะที่ลูกค้าอยากเสียเงิน ซื้อสินค้า แถมยังเป็นจังหวะที่ลูกค้ามีความต้องการซื้อสินค้าสูงมากอีกด้วย

 

ดังนั้น เวลาที่เกิดโมเม้นเหล่านี้ลูกค้าจะมีความต้องการในสินค้าสูงมาก และกำลังต้องการการตอบสนองในทันที ดังนั้น ที่คุณจะต้องทำ คือจัดวางคอนเทนต์ ไม่ว่าจะบนเว็บ หรือใน Social Media ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ในทุกๆ Moment เพราะมันจะเป็นช่วงเวลาที่เขาพร้อมจะซื้อสินค้ามากที่สุด

 

ตัวอย่าง เช่น คลินิกทำฟัน ใกล้บ้าน เมื่อลูกค้ามีความต้องการ มีปัญหาเรื่องฟัน หรือ ปวดฟันอยู่เขาจะเริ่มหาข้อมูล ดังนั้นคุณต้องอยู่ในทุกๆช่องทางออนไลน์ ที่คิดว่าเขาจะเข้าไป และตอบสนองความต้องการของพวกเขาด้วย การให้เค้าได้เจอคุณ เจอสิ่งที่คุณแก้ปัญหาให้เค้าได้

 

ถึงแม้เค้าอาจจะยังไม่ออกจากบ้านไปหาคุณเดี๋ยวนั้น แต่ ถ้าหากคุณสามารถตอบสนองเขาได้ และทำให้เขารู้สึกประทับใจ เดี๋ยวเค้าจะเอาเงินไปให้คุณเอง

 

 

  1. เนื้อหา ต้องโดนใจและแก้ไขปัญหาให้ผู้อ่านได้

 

การเข้าถึงลูกค้าคนสำคัญของคุณ ได้ง่ายๆ คือ การมีคอนเทนต์ เนื้อหา ที่จัดมาอย่างดีเพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ในทางสถิติ 61เปอร์เซ็นต์ลูกค้า จะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่นำเสนอคอนเทนต์ได้สัมพันธ์ ตรง และ จุดร่วม กับพวกเขา คุณจำเป็นต้องใส่ใจปัญหาของลูกค้า และ ใช้มันเป็นหัวข้อสำคัญในการนำเสนอคอนเทนต์ (กลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ผ่านคอนเทนต์) และ จงพัฒนาการตอบคำถาม นำเสนอรายงาน คู่มือ โพสต์ และ รีวิว ที่ให้คุณค่ากับลูกค้า

 

 

 

  1. ปรับ กลยุทธ์ การตลาดออนไลน์ ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

 

เลือกเวลาในการทำ การตลาดออนไลน์ ให้เหมาะสม คุณต้องรู้ว่า ลูกค้าของคุณ อยู่ขั้นไหน ของ Marketing Funnel แล้วส่งข้อความ ไปยังลูกค้า ให้เหมาะกับเขา และไม่ควรจะเป็นข้อความเดียวกันกับที่ส่งไปให้ลูกค้าเก่า ที่อยู่กับคุณมายาวนาน

 

Marketing Funnel มีความหมายแตกต่างกัน ในแต่ละช่วงระยะ ดังนี้

 

การดึงดูดใจ

เป็นขั้นแรกสุด ของเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้ลูกค้าสนใจจะเข้ามาเรียนรู้เพิ่มเติม หรือรับข้อมูลรายละเอียดจากเว็บ หรือช่องทางต่างๆของบริษัทที่คุณตระเตรียมเอาไว้ หรือ ติดต่อเข้ามาทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค หรือ โปรแกรมแชทอย่าง Line

 

แปลงมาเป็นลูกค้า

จำเป็นมากๆที่คุณต้อง เก็บ ชื่อ อีเมล หรือ เบอร์โทรศัพท์ ให้ได้เพื่อสะสมเป็นฐานข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายเพราะถ้าพวกเขาไม่ซื้อในครั้งแรก คุณก็ยังมีโอกาสติดต่อกลับไปอีกจนกว่าจะแปลงเป็นลูกค้าให้ได้

 

ปิดการขาย

เมื่อผู้ติดตาม หรือ คนที่เริ่มสนใจในแบรนด์ของคุณ เกิดความประทับใจ สนใจในสินค้าและบริการของคุณ คุณจำเป็นต้องมีเทคนิควิธีที่เหมาะสมเพื่อทำให้พวกเขาตัดสินใจ ซื้อ

 

เป็นหนึ่งในใจลูกค้าให้ได้

รักษาความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้ง กับทั้ง ลูกค้าเก่า และ ลูกค้าใหม่ นี่จะโอกาสในธุรกิจเกิดขึ้นได้เสมอ

 

 

 

  1. การตลาดแบบ Digital เค้าใช้เครื่องมืออะไรกัน  

 

ปัจจุบัน มีเครื่องมือฟรีๆ หรือ แบบที่เสียเงินน้อย อยู่หลายตัว ที่สามารถช่วยผู้ประกอบการ ในการสร้างคอนเทนต์ แบบที่ต้องการ และ ยังมีเครือข่ายออนไลน์จำนวนมากที่ช่วยให้สร้างคอนเทนต์ได้ง่ายๆ การ ไลฟ์ Facebook Live หรือ การสร้างเรื่องราวผ่าน Instagram Stories นอกจากนั้น ถ้าอยากทำกราฟิกสวยๆ ก็มีทั้งแอพฯ และ เว็บ ให้ได้เข้าไปใช้งานตกแต่งรูปฟรีเลย

 

 

 

  1. ปรับตัวให้เร็วและเปิดรับการเรียนรู้

 

ถ้าคุณคิดจะลงแข่ง โลกของ การตลาดออนไลน์ ที่ข้อมูลทุกอย่างวิ่งเร็วยิ่งกว่า f1 คุณจะต้องเรียนรู้ทุกอย่างให้เร็ว โลดของการการตลาดออนไลน์จะไม่มีวันหยุดรอคุณ คุณต้องเรียนรู้ว่าเทรนด์ไหนกำลังจะมา เทรนด์ไหนกำลังจะตาย คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็วทุกสถานการณ์

 

 

 

  1. รีวิวของลูกค้าเปรียบเหมือนเกียรติบัตร คุณต้องทำให้ลูกค้ามอบมันให้คุณง่ายๆ

 

การมี รีวิวจากลูกค้าผู้ใช้จริง จะทำให้ผู้พบเห็น หรือ ลูกค้าใหม่ รู้สึกเชื่อใจแบรนด์คุณได้มากกว่าวิธีอื่นๆ เมื่อคุณทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น คนอื่นๆก็จะพบเห็นรีวิวเหล่านี้มากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น ในเว็บของคุณ หรือ ช่องทางโซเชี่ยลมีเดีย ต่างๆ ของคุณ ควรทำยังไงก็ได้ให้มี ที่ที่ลูกค้าสามารถ ให้ รีวิว ได้ง่ายๆ เช่น คลิกไม่กี่ครั้งก็รีวิวเสร็จ ถืออีกเทคนิคหนึ่งในการตลาดออนไลน์ ที่จะยิ่งช่วยให้แบรนด์ของคุณ ดูมีความน่าเชื่อถือ

 

 

 

  1. ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

 

ในเรื่องของ การทำ การตลาดออนไลน์ ที่ดูรวดเร็ว เพียงไม่กี่วัน ก็สามารถวัดผลได้ เห็นผลตอบรับ แต่ นั่นก็ไม่ได้เรียกว่าความสำเร็จ และมันก็อจาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ด้วย เพราะแคมเปญของคุณอาจจะไม่เห็นผลเลย เป็นเดือน หรือ เป็นปี คุณต้องพร้อม พร้อมที่จะทำงานอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่รู้สึก Fail ไม่รู้สึกสูญเสีย ตั้งใจมุ่งมั่น ทำมันอย่างมีกลยุทธ์ที่ดี ผลลัพธ์ ที่เกิดขึ้นคุ้มค่าแน่นอน

 

  1. ยุคข้อมูล บิ๊กดาต้า Big Data & Data Analytics

 

พูดกันอยู่เสมอๆ ว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุค Big Data  ซึ่งจริงๆ เรื่องของการทำการตลาดออนไลน์ การวิเคราะห์ข้อมูลมันมีมาก่อนยุคดิจิตอลเสียอีก เพียงแต่ว่า ยุคดิจิตอลทำให้การเก็บข้อมูลทำได้ง่ายขึ้นมาก และการสะสมข้อมูลก็ทำได้ง่ายขึ้น

แต่ เพราะการมี Big Data แล้วต้อง วิเคราะห์ มันได้ด้วย ดาต้าสมัยนี้เก็บง่ายมี Startups หลายรายที่เก็บข้อมูลในโซเชี่ยลมีเดีย ที่เรียกตัวเองว่า Social Listening หรือ Social Monitoring

 

 

  1. เน็ตไอดอล หรือ Influencers ต้องตรงกลุ่มเป้าหมายจริงๆ

 

ลูกค้าปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเชื่อในบุคคลที่ 3 คือ ไม่ใช่เจ้าของแบรนด์ หรือ คนขาย เป็นผู้แนะนำสินค้า แต่เค้าจะเชื่อ คนใกล้ตัว ครอบครัว คนรู้จัก มากกว่า เชื่อในสิ่งที่ แบรนด์ เป็นคนบอกเอง เช่น ถ้าเพื่อน คนรู้จัก หรือคนมีชื่อเสียงที่ติดตามอยู่ บอกว่า ดี ลูกค้าจะเชื่อมาก

 

ดังนั้นการทำการตลาดออนไลน์ผ่านแคมเปญเพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จัก ถูกบอกต่อมากขึ้น ควรเลือก เน็ตไอดอล หรือ influencer ที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง เพื่อมาเป็นผู้ส่งสารข้อความที่แบรนด์คุณต้องการจะสื่อ ซึ่งอาจจะเป็น คนที่มีชื่อเสียงหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่กลุ่มลูกค้าของคุณเชื่อก็เพียงพอ

 

 

  1. การตลาดในโลกโซเชี่ยล Social Network Marketing

 

คือ การตลาดที่ทำผ่าน Social Network ต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram, Pinterest ฯลฯ ซึ่ง Social Marketing กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีสถิติการใช้งานสูงกว่าแหล่งออนไลน์ประเภทอื่น

 

  1. เทคนิคต่างๆในการตลาดออนไลน์ต้องใช้จนชิน

 

ขั้นแรก คุณต้องรู้เกี่ยวกับ เทคนิค การตลาดออนไลน์ หรือ ความรู้เฉพาะทางที่ต้องใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ อย่าง เช่น SEM , SEO, Landing Page หรือ UI UX ไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญ แต่ต้องเช้าใจ รู้ไว้ อธิบายได้ เพื่อเป็นหนึ่งตัวเลือกในการทำงานการตลาด

 

 

 

  1. จงเป็น นักสื่อสาร ที่ยิ่งใหญ่ในตลาด Niche

 

สื่อสาร เป็น ทักษะสำคัญ ที่ นักการตลาดออนไลน์ ควรมี โดยการสื่อสารที่ดี คือ การสื่อสารที่ชัดเจน ถ่ายทอดข้อมูลให้ลูกค้า หรือ ผู้ฟังเข้าใจ ทุกส่วนที่ได้ถูกพูดออกไป จะส่งผลให้การทำงานราบรื่น คุณต้องถ่ายทอดความคิดได้ ทำให้ลูกค้าเห็นภาพ การ ฟัง ก็สำคัญเช่นกัน ฟังมุมมองความคิดคนอื่นๆ จะช่วยให้คุณพัฒนาตัวเองได้มากขึ้นเยอะ

 

 

  1. ไม่มีใครรู้เรื่องธุรกิจของคุณดีเท่าตัวของคุณเอง

 

บริษัทกฎหมายรายหนึ่ง จ้างบริษัทรับทำ การตลาดออนไลน์ เพื่อเข้ามาพัฒนาช่องทางออนไลน์ แต่ บริษัทที่จ้างมาไม่มีความรู้เรื่อง กฏหมาย ส่งผลให้การทำคอนเทนต์ , การสื่อสารกับลูกค้า มีความผิดพลาด ทำให้ บริษัทกฏหมายแห่งนั้น เสื่อมเสียชื่อเสียง มีการทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดในหลายๆส่วน และที่สำคัญเสียฐานลูกค้าไปมากมาย

 

 

 

  1. การตลาดเชิงรับ Inbound Marketing

 

การใช้ การตลาดออนไลน์ แบบ ดึงดูด ให้คนเข้ามาหาคุณ หรือ inbound marketing ซึ่งเริ่มถูกพูดถึงกันมากขึ้น เช่น การทำ content marketing , การทำ SEO การใช้โซเชี่ยลมีเดีย เป็นต้น

 

 

  1. การตลาดเชิงรุก Outbound Marketing

 

การใช้การตลาดออนไลน์ แบบ ผลัก หลักๆ แล้ว จะเป็นการใช้โฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ซึ่งข้อดีของ โฆษณาออนไลน์ คือ ใช้งบน้อย แม่นยำ และ ตรงกลุ่ม กว่าสื่อแบบอื่นๆ และ ยังสามารถวัดผลเร็ว สดวก

 

  1. ติดตามความก้าวหน้าของแบรนด์เป็นระยะๆ

 

ก่อนลงมือทำตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ผู้ประกอบการต้องรู้ว่า ตัวชี้วัด KPI ไหนเวิร์ก เพื่อให้สามารถประเมินได้ว่า ความพยายามที่กำลังทำนั้น คุ้ม หรือ ไม่ อีกทั้ง ยังเป็นการ ง่าย ต่อผู้ประกอบการในการรู้ ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ดีกว่าการนั่งเก็บข้อมูลที่ผ่านไปแล้ว 3-4 เดือน

 

 

  1. ผสมผสาน

 

คุณต้องสามารถผสมผสาน การใช้งานช่องทางโซเชี่ยล รวมกับแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ให้เข้ากับการสื่อสารการตลาดของคุณให้ได้ เพราะแต่ละช่องทางมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันและเหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้าที่ต่างกัน

 

  1. ความน่าเชื่อถือของ แบรนด์ Branding

 

การทำธุรกิจไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน ความน่าเชื่อถือ Trust ถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการทำธุรกิจ เพราะ ถ้าคุณไม่มีความน่าเชื่อถือ ก็จะไม่มีใครที่กล้าเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของคุณแน่ๆ โดยเฉพาะ การทำธุรกิจแบบออนไลน์ Online Business ที่ลูกค้าไม่สามารถ จับต้องสินค้า หรือสัมผัสบริการของคุณได้จริง ความน่าเชื่อถือ จึงเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องสร้าง และ สะสมไว้ เพื่อความมั่นคงของธุรกิจต่อไป

แต่ หากเกิดความผิดพลาด หรือ ได้รับคำตำหนิ ต้องรีบแสดงรับผิดชอบ และ แก้ไขให้ให้ได้ทันท่วงที เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือนั้นไว้

 

 

 

  1. ลูกค้าต้องได้รับบริการที่ดีที่สุด

 

เพราะถึงแม้คุณจะมีเทคนิค การทำการตลาดออนไลน์ ที่ดีขนาดไหน แต่ ถ้าการบริการ แย่ ลูกค้าก็เมินคุณได้ เช่นกัน แถมยังจะไปทำให้ลูกค้าเก่าๆ ไม่อยากกลับมาซื้อซ้ำ หรือ บอกต่อด้วย ตามผลสำรวจ ยอดขายส่วนใหญ่ จะมาจากลูกค้าเก่า ถึง 70% ส่วนลูกค้าใหม่ จะมีเพียงแค่ ไม่เกิน 30% เท่านั้น

 

ดังนั้น การบริการ การตอบคำถาม การพูดคุย รวมถึง การบริการหลังการขายที่ดี มีโอกาสมากที่ลูกค้าจะบอกต่อๆกันออกไป และทำให้คุณมียอดขายเพิ่มขึ้น

 

  1. ระดมสมองประลองความคิด อย่างริเริ่มสร้างสรรค์

 

ในบางครั้งการระดมความคิดเห็นแค่ถามมาตอบไปอาจไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ในการระดมความคิดกับทีมในบางครั้งคุณอาจต้องอาศัยความรู้สึกและวางแบบแผนทิ้งไป สิ่งสำคัญอาจไม่ใช่การได้แลกปลี่ยนความคิดเพียงอย่างเดียวแต่อาจหมายถึงคุณซึ่งเป็นตัวกลางที่จะต้องดึงเอาความคิดเห็นที่มีประโยชน์เหล่านั้นออกมา และเก็บรวบรวมความคิดเห็นเหล่านั้นให้ได้มากที่สุดต่างหาก

 

 

 

  1. การดำเนินกิจกรรม การตลาดออนไลน์ ต้องควบคุมได้ในทุกขั้นตอน

 

นักการตลาดออนไลน์ ที่ดีมักมีทักษะในเรื่องของ การควบคุมบริหารจัดการงานทุกอย่าง ได้เป็นอย่างดี ที่มีส่วนเข้ามาช่วยส่งเสริมการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของการบริหารพนักงาน การสร้างกำลังใจ แรงจูงใจ แรงกระตุ้น ตลอดไปจนการสร้างแรงผลักดันในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

 

 

  1. ประยุกต์ และ ประสมประสานเข้าด้วยกัน

 

การตลาดออนไลน์ เป็น วิธีการทำการตลาด ที่ถูกพัฒนามาจากการทำการตลาดแบบดั้งเดิม และถือว่ามีความซับซ้อนมากกว่าการทำตลาดแบบออฟไลน์ จึงเป็นเหตุผลที่นักการตลาดออนไลน์ จำเป็นจะต้องนำเรียนรู้อยู่เสมอ และรู้จักผสมผสาน ประยุกต์ใช้ให้เข้ากับธุรกิจ

 

 

 

  1. การวัดผล การตลาดออนไลน์

 

ข้อได้เปรียบของ การทำ การตลาดออนไลน์ คือ สามารถวัดผลได้ Real time สามารถรู้ได้ว่าโฆษณาแบบไหนเวิร์ค แบบไหนเวิร์ค รู้เสียงสะท้อนตรงจาดลูกค้า นำมาปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดต่อไป โดย KPI ที่ใช้โลกการตลาดออนไลน์นิยมใช้เป็นตัววัดผล มีดังนี้

 

 

  • Engagement บนเว็บไซต์ สิ่งสำคัญสำหรับ E-commerce ควรต้องรู้เกี่ยวกับจำนวนคนที่เข้าเว็บไซต์ ระยะเวลาที่อยู่บนเว็บไซต์ มีหน้าไหนบ้างผู้เข้าชมให้ความสนใจ มีอัตราการกลับมาเยี่ยมชมซ้ำเท่าไร เป็นต้น โดยคุณสามารถใช้ข้อมูลตรงนี้ ไปปรับเว็บให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ดีมากยิ่งขึ้น

 

  • Traffic ของคนที่เข้าเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะโดยตรง หรือ ที่เข้าจากเว็บอื่นๆ หรือ เข้ามาจากโฆษณา ก็ดี คุณต้องนำไปวิเคราะห์ได้ว่ากิจกรรมทางการตลาดออนไลน์ อันไหนได้ผลกว่ากัน และ ดูว่าควรจะโฟกัสช่องทางไหนมากที่สุด

 

  • Conversion การแปลงผู้สนใจเป็นลูกค้า เช่น สั่งซื้อสินค้า ลงทะเบียนรับส่วนลด โดยปกติแล้วเราจะต้องกำหนด Landing page ซึ่งก็คือหน้าหนึ่งของเว็บไซต์ที่เราส่งให้คนเข้ามา โดยมีความหวังว่าผู้ที่เข้ามาชม จะเกิดการเปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้ซื้อ ยิ่งมีตัวเลขอัตราการเปลี่ยนสถานะ Conversion Rate เยอะเท่าไร ยิ่งเป็นผลดีต่อแคมเปญนั้นๆ ซึ่งการติดตามวัดผลอย่างสม่ำเสมอ

 

 

 

  1. ข้อมูลที่มีต้องวิเคราะห์ ข้อมูลที่ไม่มีต้องค้นหา

 

ไอเดียการวางแผนการตลาดคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ปุ๊บปั๊บ หากแต่มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจากลูกค้า หรือ กลุ่มคนที่เข้ามาเล่นเกมในกิจกรรมของคุณ หรือ ลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ การวิเคราะห์ข้อมูลจะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณกำลังเผชิญอยู่กับอะไร และต้องทำอะไรเป็นอย่างต่อไป

 

 

  1. เลือกคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งเข้ากับลูกค้า

 

การใช้ กลยุทธ์การมีส่วนร่วม Engagement นอกจาก คลิปวีดีโอ ที่ถือว่าน่าสนใจแล้ว การทำ Content Marketing หรือ การเขียนบทความ เป็นอีกหนึ่ง กลยุทธ์ที่ดี ที่สามารถส่งมอบประสบการณ์การมีส่วนร่วมที่ดีให้กับลูกค้าได้ และ วิธีการสร้างคอนเทนต์ หรือ พัฒนาคอนเทนต์ให้ตรงลูกค้า สามารถใช้เทคนิคการสร้าง Customer Persona เพื่อทำแผนสร้าง Content ได้

 

  1. สถิติ มีไว้ ต้องใช้วิเคราะห์ ( Analytics )

 

มันง่ายมากๆ ที่จะรู้ว่า ช่องทางออนไลน์ ช่องทางไหน ที่สร้างจำนวนคนเข้าชมได้มากๆ ผ่านพวกเครื่องมือที่ใช้เก็บสถิติ เช่น Google Analytics เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ คุณไม่ควรทิ้งมัน หรือเก็บเอาไว้เฉยๆ

 

 

  1. ดูแลลูกค้า ยาวไป ใส่ใจให้เหมือนญาติ

 

หน้าที่สำคัญของ นักการตลาด คือ การสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ด้วยการวางแผนและสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมลงมือทำจริง ไม่ใช่แค่พูดเรื่อยเปื่อย ยิ่งแคมเปญประสบความสำเร็จมาก ลูกค้าก็จะรู้สึกดีมากขึ้นเท่านั้น นักการตลาดออนไลน์ จึงต้องรู้จักสร้างความสัมพันธ์ Customer Relationship Management (CRM) ในระยะยาว

ตอบสนองพวกเขาให้มากกว่าที่เขาต้องการ  ความสัมพันธ์ ของ คุณกับลูกค้า อาจจะเริ่มจาก การดูแลลูกค้าสอบถามความคิดเห็น ความต้องการ ความพึงพอใจ หลังการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ และ การวางแผนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จะสามารถสร้างความพอใจ หรือ การตอบสนองความรู้สึกของลูกค้าได้เป็นอย่างดี นี่ก็ถือว่าเป็น การดูแล ได้เหมือนกัน

 

  1. สร้างความแตกต่างอย่างมีจุดยืน

 

ทุกวันนี้เราทำอะไรต่างจากคู่แข่งบ้าง? คำสัญญาที่จะให้บริการที่ดี มีคุณภาพ ต่างๆนานานั้นเพียงพอไหมในการสร้างจุดยืนและความแตกต่างทางธุรกิจ

 

ลองมาดู 2 วิธีง่ายๆที่จะทำให้ธุรกิจของเราโดดเด่นจนลูกค้าหน้าใหม่ประทับใจกัน

 

  • สร้างบุคลิกให้กับ Brand – ศึกษาและลงทุนกับบริษัทที่สามารถให้บริการด้านการตลาดอย่างมีคุณภาพได้ ตั้งแต่งานออกแบบ, การเขียนเนื้อหาและการทำโฆษณาต่างๆ

 

  • รวบรวม รีวิว จากลูกค้าที่พอใจกับการบริการ – รีวิวที่ลูกค้าเขียนให้ หรือถ้าเป็นคลิปวิดีโอก็จะดีที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อยืนยันจากคนที่เคยใช้งานและบริการของเรามาแล้ว ทำให้ลูกค้าหน้าใหม่มีความมั่นใจในการทดลองใช้บริการหรือสินค้ามากขึ้น

 

 

 

  1. เรื่องต้อง ห้าม ในการเปลี่ยนเป้าหมาย

 

การทำการตลาดออนไลน์ ต้องมี ความรอบคอบ ไม่รีบร้อน เก็บรายละเอียด กำหนดเป้าหมายระยะยาว  แต่ ถ้าเห็นเทรนด์ หรือ กระแสใหม่ๆ มาแรง ก็ต้องพร้อม ที่จะปรับตัว แต่ ห้าม เปลี่ยนเป้าหมายไปๆมาๆ ในฐานะที่คุณเป็น นักการตลาดออนไลน์ ต้องเป็นผู้นำลูกค้า คิดให้ถี่ถ้วนเจาะลึกละเอียดให้ชัดเจนเสียก่อน

 

  1. ลูกค้ายังอ่านอีเมล์ที่คุณส่งไปอยู่ไหม

 

หากพูดถึงทุกวิธีทำการตลาด E-Mail Marketing ยังคงใช้ได้ผลอยู่เสมอ เป็นหนทางที่จะส่งเนื้อหาไปถึงผู้อ่านได้โดยตรง เพื่อเปลี่ยนให้เป็นลูกค้าที่จะซื้อของจากท่าน และยิ่งท่านมีฐานสมาชิก E-Mail List มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จในการเข้าถึงมากขึ้นเท่านั้น

ควรใช้เวลาและใส่ใจกับหัวข้อใน E-Mail ให้มากหน่อย เพราะ 64% ของผู้รับจะเปิด eMail หลังจากที่เขาอ่านหัวข้อแล้วสนใจ เวลาที่ท่านใช้ไปกับการสร้างสรรค์หัวข้อ E-Mail จะช่วยการันตีถึงจำนวนการเปิดอ่านได้มากยิ่งขึ้น

 

 

  1. ทำการตลาดออนไลน์จากสูงสุดสู่สามัญ

 

ฉะนั้น เรื่องเทคโนโลยี ไม่ได้มีไว้อวด ว่า ชั้นทำนั่นนี่ได้ มันไม่มีความยั่งยืน ควรยึดหลัก ว่า CONTENT IS KING ใช้ได้ผลเสมอ

 

 

 

  1. เขียนให้ให้ขายได้ใช้ทักษะอย่างมืออาชีพ

 

หากคุณอยู่ใน ฟิลด์ของการตลาดด้วย Content คุณคงจะรู้ว่า การตลาดออนไลน์ ที่ต้องแข่งขันกันด้วยบทความนั้นต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพแค่ไหน คุณต้องมีบทความเฉพาะด้าน ที่น่าติดตาม และ ที่สำคัญต้องเป็นบทความที่ช่วยส่งเสริมแบรนด์ของคุณด้วย

 

  1. ไลฟ์สด และ วีดีโอ ดีต่อ Social Media

 

เทรนด์ การตลาดออนไลน์ สำหรับแทบจะทุกช่วงเวลาบนโลกออนไลน์ เช่น Facebook คุณคิดว่าคนส่วนมากจะใช้เวลาไปกับอะไรกันบ้าง? แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็น Visual Content เช่น วีดีโอ หรือ การไลฟ์สด คนส่วนใหญ่จะมี Engagement หรือ ตอบสนองต่อคอนเทนต์ นั้นๆ เช่น กดหัวใจ กดว้าว กดแชร์ กดไลก์ หรือ คอมเมนต์

 

แต่ก่อนหน้าที่เราจะไปดูวิธีการรับมือ เรามาดู 3 สถิติที่น่าสนใจกันก่อนดีกว่า

 

1 ใน 3 ของ Online Activities หมดไปกับการดูวีดีโอ

85% ของการดูวีดีโอบน Facebook ดูแบบไร้เสียง

65% ของคนที่ดูวีดีโอในช่วง 3 วินาทีแรกจะดูต่อไปอีก 10 วินาที

 

เทรนด์ของการทำวีดีโอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะจากสถิติที่เราพึ่งบอกไป คุณจะมีเวลาแค่ 3 วินาทีเท่านั้น ในการดึงดูดความสนใจจากผู้ชมให้เขาดูวีดีโอของคุณต่อไปหรือดูจนจบ แต่อย่างหนึ่งที่เราว่ามันสำคัญมากๆ คือ การแสดงความจริงใจต่อลูกค้า ไม่ได้เอาแต่พูดในสิ่งที่แบรนด์อยากจะพูด แต่ควรนึกถึงสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอยากจะฟังหรือสนใจด้วย

 

ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดในมุมมองของเรานอกจากการทำวีดีโอดีๆ เจ๋งๆ ออกมาก็คือ จะทำยังไงให้คนเห็นได้มากที่สุด? เพราะตอนนี้หลายบริษัทได้ลงทุนไปกับการทำวีดีโอคอนเทนต์แล้ว และวีดีโอคอนเทนต์ก็มีจำนวนมาก จนผู้คนอาจจะเสพไม่ไหวกันเลย

 

คำตอบที่ดีที่สุดของคำถามนี่คือ คุณทำ SEO สำหรับ Landing Page ของคุณยังไง คุณก็อย่าลืมทำแบบนั้นกับวีดีโอของคุณด้วยนะ เพราะ YouTube ก็ถือว่าเป็น Search Engine ที่ใหญ่รองลงมาจาก Google เลยทีเดียว

 

  1. เริ่มต้นเขียนบล็อก (Blog)

 

อย่าเพิ่งปฏิเสธการเขียน Blog เพราะ การเขียนบทความ (Articles) ใน Blog นั้นมีคุณค่ากับธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง เช่น การสร้างการรับรู้ (Awareness), ความน่าเชื่อถือ (Credibility) และ ความเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจ (Authority) การเขียน Blog จะไม่เหมือนการเขียนงานเรียงความในมหาลัย (ซึ่งนั้นอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ท่านเขียน) โปรดใช้เทคนิคการเขียนที่ง่ายต่อการอ่านแบบสแกน

และย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่าย โดยเนื้อหาใจความโดยรวมไม่หลุดประเด็นไปจากหัวข้อหลัก

 

 

  1. การอธิบายสินค้า การใช้งาน ผ่านการทำเป็นวีดีโอยูทูป

การรีวิวสินค้าผ่านยูทูป เป็นอีกหนึ่งการกระตุ้นอารมณ์ของผู้ซื้อได้

 

 

 

  1. Artificial Intelligence

 

AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ศึกษาพฤติกรรมต่างๆ ของผู้บริโภค และนำมาประมวลผลเองได้ ซึ่งได้ก้าวเข้ามาเป็นเทคโนโลยีหลักในหลายอุตสาหกรรมแล้ว เช่น อุตสาหกรรมการขนส่ง การเงิน และประกันภัย

 

ซึ่งมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในการช่วยแบ่งเบางานบางอย่างให้กับคุณได้ เช่น Chat Bot แบบที่ใช้ Machine Learning เข้ามาช่วยในการสื่อสารกับลูกค้า AI จะเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจการบริการมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคพร้อมกับการทำงานที่ต้องอาศัย Human Effort น้อยลง

 

มีงานส่วนไหน ที่ความสามารถของเทคโนโลยีเหล่านี้ เข้ามาช่วยลดภาระในการทำงานและค่าใช้จ่ายให้กับคุณได้บ้าง

 

หากธุรกิจของคุณ เป็น ธุรกิจที่มีคนติดต่อสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก Chat bot ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดี เพราะเมื่อ ลูกค้าของคุณมีคำถาม คุณก็ไม่ควรอยากปล่อยให้พวกเขารอนาน เพราะจาก สถิติ พบว่า โลกออนไลน์ ทำให้ความอดทนของคนเรา สั้นลง

 

 

 

  1. เอาให้ชัด ว่าจะเลือกจะ Mass หรือ Niche

 

เวลาจะกำหนด brand character จะต้องชัดเจน ยุคนี้ไม่ใช่ยุคไบโพลาร์ จะมาจับปลาสองมือไม่ได้ วันนึงนึกจะเกาะแมสก็เกาะ วันนึงอยากจะนิชจัดๆ คนก็จะงง ไม่เข้าใจ และไม่อยากเสพคอนเทนต์ ดังนั้น จะแมสหรือจะนิช มันมี pros and cons ในตัวเอง ชั่งน้ำหนักแล้วเลือกเอาว่าเราจะไปในทิศทางไหน

 

 

 

  1. ประยุกต์การตลาดดิจิทัล

 

เว็บอย่าง Feedly หรือ Zest เป็น แหล่งข้อมูลด้านการตลาดที่คุณสามารถเข้าใช้งานเพื่ออัพเดทเทรนด์การตลาดออนไลน์ใหม่ๆ หรือ กระแสเรื่องราวเกี่ยวกับการตลาด ได้ทุกวัน และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ หรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการทำตลาดของคุณได้

 

 

 

  1. ต้องน่าเชื่อถือ

 

แม้จะมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว ก็ต้องมากกว่าเดิม เพื่อให้สื่อสารสิ่งต่างๆ ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น สำหรับ การทำตลาดออนไลน์ ความน่าเชื่อถือจะอยู่ที่การถูกพูดถึง ถ้าโดนตำหนิ หรือพบข้อผิดพลาด ก็ต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน

 

 

 

  1. เน้นการสร้างคอนเทนต์ที่มีสาระและให้ความรู้

 

เว็บหลายๆ เว็บในปัจจุบัน หันมาสนใจในการทำตลาดผ่านคอนเทนต์มากขึ้น ดังนั้นในการทำคอนเทนต์คุณจะสร้างแค่เพียงความแตกต่างของเนื้อหาอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ผล สิ่งที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ คือ การสร้างคอนเทนต์ที่มีสาระและ “ให้ความรู้” (How-To Contents) ที่ไม่ว่าระยะเวลาจะผ่านไป คอนเทนต์ของคุณก็สามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้ที่เข้ามาอ่านได้ ซึ่งคอนเทนต์เหล่านี้ จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจอีกด้วย

 

 

 

 

  1. การใช้ Line@

 

ช่องทางการใช้ ไลน์ สำหรับคนไทย นับว่า มีจำนวนเยอะมาก ซึ่งการที่เจ้าของแบรนด์สินค้า สามารถใช้งานได้อย่างรู้ซึ้ง จะช่วยให้ง่ายดายต่อการโปรโมทสินค้าไปยังผู้ซื้อ เนื่องด้วย Line@ มีฟังก์ชั่นที่ช่วยให้เจ้าของแบรนด์สามารถต่อยอดให้ธุรกิจของคุณง่ายขึ้น สามารถใช้ Premium ID ในการตั้งชื่อสินค้าได้ ฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่น การจัดทำสแตมป์ การส่ง Code ส่วนลดสินค้า เป็นต้น

 

 

 

  1. ใช้ อีเมลเพื่อทำ การตลาดออนไลน์

 

คนทำธุรกิจส่วนใหญ่มักมองว่าการทำการตลาดโดยใช้อีเมลเป็นการทำการตลาดที่สูญเปล่า ทำแล้วมักจะไม่ได้ผล  แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการทำการตลาดผ่านอีเมลสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการทำการตลาดของคุณได้ ด้วยการส่งข้อมูลข่าวสารที่คุณต้องการไปให้กลุ่มลูกค้าของคุณ หรือสมาชิกในร้านค้าของคุณได้รับรู้ ซึ่งถือเป็นวิธีการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณในระยะยาว ที่สามารถเข้ามาสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากการส่งอีเมลหรือข้อความต่างๆ ไปให้ลูกค้าโดยตรงที่ดูเป็นส่วนตัว

จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองได้รับความใส่ใจอย่างเป็นพิเศษจากธุรกิจ หรือร้านค้า และการทำการตลาดผ่านอีเมลนั้นก็เป็นการทำการตลาดที่ไม่ต้องใช้การลงทุนที่หลายๆ คนไม่ได้ให้ความสนใจ จึงถือได้ว่าการทำการตลาดผ่านอีเมลเป็นช่องทางที่คู่แข่งขันน้อย และสามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินลงทุน

 

 

 

  1. ใช้บริการ รีวิว สินค้า ผ่าน micro-influencer

 

ถ้ารู้ชัดในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ความสนใจของลูกค้า กลุ่มอายุ และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย  การนำสินค้าไปให้กับ influencer ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อ จะมีผลดีกับเจ้าของแบรนด์สินค้า เนื่องด้วย ใช้งบการตลาดไม่สูงมากนัก ก็สามารถให้ Influencer ได้สร้างสรรค์การนำเสนอสินค้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้สินค้าน่าสนใจ ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้เรียนรู้เข้าใจในสินค้า

 

 

 

  1. การรู้คำค้นหา Keywords

 

คำค้นหาที่คนนิยมมากที่สุด : การดักคำค้นหา ของ

 

 

 

  1. การโฆษณาบนเฟสบุ๊ค

 

เฟสบุ๊คจะมีการจับพฤติกรรมของผู้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา สามารถรู้ความสนใจ ที่ตั้ง สิ่งที่

 

 

 

 

 

  1. การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด

 

ในเรื่อง การตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น การทำ Search Engine Optimization , Google AdWords และ ไม่พอ ยังมี โซเชี่ยลมีเดีย แบบใหม่ๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆในทุกๆวัน ทุกอย่างมีการแปรเปลี่ยนอยู่ตลอด คุณในฐานะนักการตลาดหรือเจ้าของกิจการต้องมีความพร้อมในทุกสถานการณ์ ต้องมีการติดตามสาระเรื่องราวข่าวสารใหม่ๆในแวดวงธุรกิจ และ เทคโนโลยี Digital Disruption หรือ ที่เกี่ยวข้อง หรือแม้กระทั่ง เข้าร่วมงาน สัมมนา สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับคนในวงการเดียวกัน และต่างวงการด้วย

 

 

 

  1. สามารถกำหนดนโยบายการดำเนินการด้าน การตลาดออนไลน์ เองได้

 

หากเจ้าของธุรกิจมีความรู้ความเข้าใจด้าน การทำการตลาดออนไลน์ จะทำให้คุณสามารถวางแผนการตลาดออนไลน์ได้ในทิศทางที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ดังนั้นเมื่อคุณมีความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ด้วยตัวคุณเองแล้ว คุณจึงสามารถกำหนดนโยบายด้านการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้

 

 

 

  1. ทำให้เกิดขึ้นจริง

 

ถ้าให้อธิบายความฝัน หลายๆ คนคงเล่าได้เป็นฉากๆ แต่ถามว่ามันเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ ตราบใดที่คุณทำงานอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ทักษะ ความรู้ การคิดวิเคราะห์ ก็ยังเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จอยู่ บางคนอาจชอบวางแผน แต่กลับไม่สามารถนำมาทำจริงได้ หรือทำไปครึ่งนึงแล้วก็ไปต่อไม่ได้ แบบนี้คุณก็จะเสียพลังงานไปเปล่าๆ เพราะฉะนั้น แผนงานที่คิดก็ควรทำได้จริง

 

  1. เริ่มต้นที่ Social Media

 

โซเชี่ยลมีเดีย คือ เครือข่ายผู้บริโภคขนาดใหญ่ สถานที่ที่สามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) และการ PR เป็นอย่างดี เพราะด้วยความสามารถในการกดชอบ (Like), แสดงความคิดเห็น (Comments) และการแชร์ (Share) ล้วนส่งผลดีแทบทั้งสิ้น สามารถสร้าง Facebook Fanpage ได้แค่ คลิ๊กสร้าง Fanpage

 

 

 

 

  1. ปรับแต่งเว็บไซต์ (SEO) ให้ดีเยี่ยม

 

เช็คให้แน่ใจว่า Keywords บทเว็บไซต์ของท่าน เป็นสิ่งที่คนอ่านกำลังค้นหาอยู่จริงๆ ด้วยเครื่องมือวางแผนคำหลัก (Keyword Planner Tools) ของ Google ใน Adwords

 

หากในเว็บไซต์ของท่านไม่มีเนื้อหา หรือ Keywords ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นไปได้สูงที่คนจะออกจากเว็บไซต์ของท่านทันที ส่งผลให้อัตราการออก (Bounce rate) ใน Google Analytics สูงขึ้น และ การตอบสนองจากผู้อ่านจะลดน้อยลงไป หากธุรกิจของคุณ มีคำค้นหา (keywords) ที่หลากหลาย โปรดอย่ามองข้ามคำค้นหาที่เป็นภาษาพูด

 

เพราะคำเหล่านี้ผู้อ่านมักจะใช้พิมพ์คําค้นหาใน Google ท่านสามารถใส่คำภาษาพูดที่เข้าใจง่ายในหน้า Blog ของคุณได้

 

 

 

 

  1. Awareness สร้างการรับรู้

 

ข้อดีของการใช้ การตลาดออนไลน์ คือความสามารถในการ ‘ สร้างการรับรู้ ’

โดยใช้งบประมาณในการเริ่มต้นที่ต่ำ และสามารถวัดผลได้เร็วและสะดวกกว่าสื่อ Traditional media  ส่วนข้อเสียคือ บนโลกออนไลน์มีสื่ออยู่เป็นจำนวนมากกว่า และต่างแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อให้เสียงของตนเข้าถึงการรับรู้ของผู้มุ่งหวัง กรณีที่แบรนด์ของคุณยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หากเราไม่ทำการตลาดออนไลน์เพื่อสร้างการรับรู้อย่างมีประสิทธภาพและถูกทาง ก็เปรียบเสมือนธุรกิจของคุณไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์เลย ดังนั้น! สิ่งที่จำเป็นต้องทำในขั้นตอนนี้คือ การสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายของคุณเข้าใจว่าทำไมพวกเขาเหล่านั้น

จึงเหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์

 

 

 

 

  1. Consideration การพิจารณา

 

วัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งลูกค้าที่จ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์

ผ่านวิธีการให้ข้อมูลที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหา ตอบสนองความต้องการ หรือการอธิบายว่า สินค้าหรือบริการของเราช่วยให้ชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นดีขึ้นได้อย่างไร ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถสื่อสารและนำเสนอแก่ผู้บริโภคได้โดยตรงว่า สินค้าหรือบริการของเรานั้น สามารถช่วยแก้ไขปัญหาของพวกเขาได้อย่างไร และทำไมพวกเขาเหล่านั้นจึงเหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของแบรนด์เรา ข้อควรระวังคือ ในขั้นตอนนี้ผู้คนยังไม่ปักใจเชื่อคุณซะทีเดียว

 

เพราะอย่าลืมว่ายังมีข้อมูลจากเว็บไซต์ของคุณมีข้อมูล เว็บไซต์ของคู่แข่งอีกมากมาย ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน และในขั้นตอนนี้เอง หากคุณสามารถเผยแพร่ Content ที่ตอบโจทย์พวกเขาได้ ผู้บริโภคก็เริ่มเห็นความแตกต่างและเริ่มเปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละแบรนด์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

สิ่งที่คุณสามารถนำเสนอรูปแบบของ Content ในขั้นตอนนี้ ควรจะเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการของแบรนด์คุณ Content ประเภท How-to ให้ความรู้ในการนำสินค้าหรือบริการของคุณไปใช้แก้ไขปัญหาหรือตอบโจทย์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในใจของผู้บริโภครายละเอียดและข้อมูลเชิงลึกของสินค้าหรือบริการของคุณ   

 

 

 

  1. Conversion การเปลี่ยนเป็นลูกค้า วัตถุประสงค์เพื่อปิดการขายกับลูกค้า

 

โดยการแสดงรายละเอียดและข้อมูลของสินค้าโดยนำเสนอจุดเด่นและนำเสนอคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์คุณ ในขั้นตอนนี้ผู้บริโภคมีความสนใจอย่างยิ่งที่ต้องการจะทำการซื้อขายกับแบรนด์ของคุณ โดยอาจต้องการการโน้มน้าวและเพิ่มความมั่นใจอีกเล็กน้อยจากคุณ เพียงให้คุณกระตุ้นให้ถูกจุด

ผู้บริโภคก็พร้อมที่จะจ่ายเงินให้คุณในทันที ดังนั้น ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถนำเสนอการขายอย่างตรงไปตรงมา (และถ้าหากคุณพบว่าการขายแบบ Hard Sell ของแบรนด์คุณมันเวิร์ค ก็จงใช้ในการปิดการขายให้จงได้) สิ่งที่คุณต้องทำในขั้นตอนนี้ก็คือ Social Proof หรือ Testimonials ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์

 

รีวิวจากลูกค้าที่เคยอุดหนุนไปก่อนหน้านี้ และใช้ระบบการรับชำระเงินที่น่าเชื่อถือและมีระบบป้องกันสูงเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า   

 

 

 

 

  1. Retention การรักษาฐานลูกค้าเดิม วัตถุประสงค์การรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ และเกิดการซื้อซ้ำ

 

ผ่านกระบวนการบริการหลังการขาย ให้ความช่วยเหลือกับลูกค้าในด้านต่าง ๆ โดยในขั้นตอนนี้ต้องออกแบบ Content Marketing ที่แตกต่างออกไป เพราะในขั้นตอนนี้ จะเน้นที่การเพิ่มยอดขายจากฐานลูกค้าเดิมเป็นหลัก

ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณในการทำการตลาดได้อย่างมาก เนื่องจากเป็นลูกค้าที่คุ้นเคย และรู้จักกับสินค้าเป็นอย่างดี และหากสินค้าหรือบริการของแบรนด์สามารถตอบโจทย์และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีแล้วด้วยนั้น ก็ใช้การโน้มน้าวหรือยื่นข้อเสนอเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้อย่างไม่ยากเย็นเท่ากับคนที่ยังไม่เคยเป็นลูกค้าของเรามาก่อน

ลักษณะ Content Marketing ที่ต้องทำ อาทิ การให้ข้อมูลความรู้เชิงลึกที่ลูกค้าสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสินค้าและบริการของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคุณอาจทำในรูปแบบของเอกสารดิจตอลแจก หรือวีดีโอคลิปดี ๆ ให้รับชม รวมไปถึงการส่งข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ ในรูปแบบของ Voucher และ Coupon เป็นต้น

 

  1. ไม่หยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

 

การเป็นนักการตลาดที่ดี ไม่ควรปิดกั้น หรือยึดติดกับหลักความคิดเดิมๆ เพราะการตลาดคือการคิดแผนที่จะรับมือกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ดังนั้นการเป็นนักการตลาดที่ดีจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตัวเอง และพัฒนาความสามารถในการรับมือกับผู้บริโภคให้มากที่สุดจากการเรียนรู้

 

 

 

 

 

  1. มีเทคนิคในการเล่าเรื่อง

 

ยิ่งผู้คนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากเท่าไหร่ การทำงานของนักการตลาดก็จะยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ผู้บริโภคเชื่อใจ เชื่อมั่นในสินค้า หรือจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ ดังนั้นนักการตลาดจึงมีหน้าที่ในการสร้างเรื่องราวที่จะถ่ายทอดเป็นโฆษณา ผ่านเทคนิคการเล่าเรื่อง ที่มีการเรียบเรียงเรื่องราว เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมให้กับลูกค้า ที่จะรู้สึกสนใจ และรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์

 

 

  1. โลกโซเชี่ยล

 

Facebook, Instagram, Youtube, LINE@ และอื่นๆ อีกมากมาย อย่างที่ทราบกันดีว่า 2 ช่องทางสื่อสารหลักเห็นจะไม่พ้น Facebook และ LINE@ ข้อดีก็คือสามารถเผยแพร่ Content ได้หลากหลายรูปแบบทั้ง ข้อความ รูปภาพ วีดิโอ หรือการ Live สด แนะนำให้เลือกช่องทางหลักก่อนไม่เกิน 2 ช่องทาง จากนั้นค่อยๆ ขยายไปยังช่องทางอื่นๆ

 

 

 

 

  1. ต้องรู้จัก Search Engine Marketing และ Search Engine Optimization

 

เครื่องมือที่ช่วยให้การหาข้อมูล แสดงผล หรือ เนื้อหาที่ตรงตามที่เราต้องการ โดยทำให้เราติดอันดับต้นๆ ในการค้นหา โดย SEM จะเป็นการลงโฆษณาแบบเสียเงิน ซึ่งเห็นผลรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นกัน แต่ หากใครงบน้อยก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเลย เพราะคุณก็สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ติดอันดับได้ด้วยการทำ SEO ซึ่งวิธีนี้ยั่งยืนและฟรีแต่อาจจะต้องใช้เวลา

 

 

 

  1. เขียนให้เกิดธุรกิจ ด้วย Blogging

 

การเขียนบล็อกเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำ Content marketing ที่ช่วยโปรโมทธุรกิจของคุณได้ โดยคุณจะต้องวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของลูกค้า เพื่อนำมาสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับธุรกิจของคุณ และโดนใจลูกค้า หากบทความที่เขียนนั้นสอดคล้องกับลูกค้าก็จะเกิดการแชร์ต่อ ทำให้การค้นหานั้นติดอันดับต้นๆ ปัจจุบันมีเครื่องมือให้ใช้ฟรีมากมายเช่น Canva, Giphy, Storify, Easely เป็นต้น

 

 

 

 

  1. ย้ำด้วย Email Direct Marketing

 

หรือที่เรียกกันว่า EDM เป็น ระบบส่งข้อความโฆษณาผ่านอีเมลไปยังกลุ่มเป้าหมาย เป็นหนึ่งในช่องทางการตลาดที่ได้ผลลัพท์ ดี โดยสามารถใช้เพื่อโปรโมทกิจกรรมการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถเข้าถึงลูกค้าโดยตรง ปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้เราสามารถส่งอีเมลไปยังรายชื่อลูกค้าจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย ในราคาย่อมเยาว์ เช่น MailChimp

 

 

 

 

  1. การตลาดผ่าน วีดีโอ Video Marketing

 

ปัจจุบัน วีดีโอ ถือเป็นอีกช่องทางสำคัญอันหนึ่งที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ด้วยการนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ นำมาสรรค์สร้างให้เกิดความน่าสนใจ และทำให้เกิดการรับรู้มากขึ้น เช่นเดียวกับ Facebook Live ที่เป็นที่นิยมอย่างมาก โดยสามารถเข้าถึงคนได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

 

 

 

 

  1. ประหยัดต้นทุน

 

หากคุณมีความรู้ด้านการตลาดออนไลน์เอง คุณจะสามารถใช้เงินทุนด้านการตลาดออนไลน์ได้อย่างคุ้มค่า หากคุณเลือกที่จะทำการตลาดด้วยตนเอง แน่นอน!! อย่างน้อยคุณไม่ต้องเสียค่าบริการให้บริษัทที่ปรึกษาหรือการตลาดออนไลน์ หรือ หากคุณเลือกที่จะจ้างที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์จริงๆ คุณก็จะไม่ได้จ้างด้วยความไม่รู้ คุณจะสามารถตรวจงานผู้รับจ้างได้ เมื่องบประมาณหมด

คุณสามารถพิจารณาเองได้ว่าควรเพิ่งบประมาณหรือไม่ในการทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งเท่ากับว่าคุณไม่ได้ทำการตลาดออนไลน์แบบปิดตา หรือไม่ได้นำอนาคตทางธุรกิจออนไลน์ของคุณไปแขวนไว้กับคนอื่น

 

 

 

 

  1. Know-How ด้าน การตลาดออนไลน์

 

เฉพาะธุรกิจของคุณเอง ความรู้ความชำนาญที่ได้รับจากการศึกษา ,การทดลองทำ ,การวางแผนการดำเนินการ เป็นความรู้ที่มีคุณค่า และไม่มีใครแย่งไปจากคุณได้ คุณสามารถต่อยอดไอเดียในการทำธุรกิจออนไลน์ ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

 

 

  1. ยอดไลค์ไม่ใช่ตัวกำหนด

 

ปัจจุบันนี้ ยอดไลค์ ไม่ได้เป็นตัวกำหนดทั้งหมดในธุรกิจก็ได้ เพราะ มีการขายยอดไลค์ไม่ว่าจะเป็นเพจหรือโพสต์ คุณก็สามารถเพิ่มให้มีมากขึ้นได้ตามราคา ที่เรามีความต้องการหรือพอใจในราคาที่จะจ่ายเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ แต่ทั้งนี้ คุณก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยอดไลค์ ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรานั้นตัดสินใจด้วย เช่นกัน และยังเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้จำนวนไลค์ต่างๆ อาจจะต้องสอดคล้องกันทั้งหมด หากเพจที่มียอดไลค์มาก

แต่การติดตามโพสต์นั้นน้อยหรือไม่มีการเข้าถึงเลย สิ่งนี้ก็ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติและไม่น่าเชื่อถือนั่นเอง และล่าสุดคือ Facebook ได้ปรับการเข้าถึง โดย Organic Reach ถูกจำกัดและลดลงอย่างมาก หากเพจของเรานั้นมีเนื้อหาที่ไม่น่าสนใจหรือดึงดูดมากพอ การมียอดไลค์ในระยะยาวก็อาจลดลง เป็นต้น

 

อีกอย่างหนึ่งคือหากยอดไลค์ในโพสต์ของเรานั้นมีมากพอที่จะสู้กับ Content อื่นๆ ได้มากพอแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมว่าเนื้อหาภายในก็มีความสำคัญที่จะทำให้โพสต์นั้นๆ หรือโพสต์อื่นๆ ในเพจของเรามีความน่าสนใจโดยธรรมชาติอีกด้วย

 

 

 

 

  1. โฆษณาด้วย Instagram Takeover

 

เป็นอีกหนึ่งช่องทางการทำ การตลาดออนไลน์ ที่ได้รับความสนใจของผู้ติดตาม และ ประสบความสำเร็จในระดับที่ดีเลยทีเดียว  อะไรคือ Instagram Takeover อธิบายแบบให้เข้าใจง่ายที่สุด คนที่รับทำโฆษณาออนไลน์ด้วย Instagram Takeover คือ การที่คุณอนุญาตให้คนๆ หนึ่งเข้ามาในบัญชี IG ของคุณ จุดประสงค์เพื่อให้บุคคลนั้น เข้ามาทำกิจกรรมต่างๆ แล้วโพสต์คอนเทนต์ลงช่องทางนั้นประหนึ่งเป็น IG ส่วนตัว

 

 

 

เป็นยังไงกันบ้าง กับ 99 วิธี การตลาดออนไลน์ อ่านจบครบแล้ว ถ้ายังมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาในเรื่องการตลาดอื่นๆ สามารถทักไลน์มาได้ที่ Line ID: @brandingchamp

 

 

รวมไอเดียการตลาดออนไลน์

 

26 Replies to “การตลาดออนไลน์ 99 วิธี ยืนหนึ่งได้ ต้องรู้ !!! ( รวมมิตรไอเดีย อัพเดทล่าสุด )”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *