ข้อแตกต่างระหว่าง digital marketing กับ digital branding อย่า!! เข้าใจผิด

ข้อแตกต่างระหว่าง digital marketing กับ digital branding อย่า!! เข้าใจผิด

ข้อแตกต่างระหว่าง digital marketing กับ digital branding

ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง อย่างทุกวันนี้ การสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและน่าจดจำเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง แบรนด์ไม่ใช่แค่ตัวสินค้าหรือบริการ แต่เปรียบเสมือน ” ลายนิ้วมือ ” หรือ ” ลายเซ็น ” ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของธุรกิจ ในอดีตที่การแข่งขันยังไม่รุนแรงนัก การสร้างแบรนด์อาจทำได้ง่ายเพียงแค่มีโลโก้ที่สวยงามและเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้คนจดจำได้

 

แต่ใน ยุคปัจจุบัน ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมาย การมีโลโก้อย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป โลโก้จึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเตือนความจำให้กับผู้บริโภคเท่านั้น สิ่งที่จะทำให้ผู้คนจดจำแบรนด์ได้อย่างแท้จริง ก็คือ “ประสบการณ์” ที่พวกเขาได้รับจากแบรนด์นั้นๆ ดังนั้นวิธีการสร้างแบรนด์ในปัจจุบันจึงเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินค้าและบริการ การบริการหลังการขาย หรือแม้แต่การสื่อสารแบรนด์ในทุกช่องทาง

 

การสร้างแบรนด์ในยุคนี้จึงเท่ากับการสร้าง “ชื่อเสียง” ที่น่าจดจำให้กับธุรกิจ เมื่อผู้คนพูดถึงแบรนด์ เราต้องการให้พวกเขานึกถึงชื่อเสียงและจุดเด่นของเราได้ในทันที ว่าแบรนด์ของเรามีดีและโดดเด่นในด้านใด เช่น มีนวัตกรรม มีคุณภาพ มีความใส่ใจในรายละเอียด หรือมีบริการที่เป็นเลิศ เป็นต้น ถ้าเราสามารถสร้างชื่อเสียงที่ดีจนฝังอยู่ในใจผู้บริโภคได้ พวกเขาจะนึกถึงเราเป็นตัวเลือกแรกๆ เมื่อต้องการสินค้าหรือบริการในหมวดหมู่ที่เราทำอยู่

digital-marketing-กับ-digital-branding
digital-marketing-กับ-digital-branding

ดังนั้น การสร้างแบรนด์ในยุคนี้จึงไม่ใช่แค่การออกแบบโลโก้ที่สวยงาม แต่จะต้องคำนึงถึงประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับ และสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จนสามารถครองใจผู้บริโภคได้ในระยะยาว แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จคือแบรนด์ที่สามารถสร้างความประทับใจและความผูกพันทางใจให้เกิดขึ้นกับลูกค้าได้นั่นเอง และนี่คือเป้าหมายสูงสุดของการสร้างแบรนด์ในยุคดิจิทัลเช่นทุกวันนี้

 

ความหมายและความสำคัญของ Digital Branding

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น การสร้างแบรนด์บนโลกออนไลน์หรือที่เรียกว่า “Digital Branding” จึงกลายเป็นเรื่องที่ธุรกิจต่างๆ ต้องให้ความสำคัญ Digital Branding ไม่ได้หมายถึงแค่การทำโฆษณาบนโลกออนไลน์เท่านั้น แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าผ่านทุกสัมผัสบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล หรือแม้แต่แอปพลิเคชัน

 

โซเชียลมีเดียถือเป็นช่องทางหลักในการทำ Digital Branding เพราะเป็นพื้นที่ที่ผู้คนใช้เวลาอยู่มากที่สุดในแต่ละวัน แบรนด์ต่างๆ จึงต้องเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์เนื้อหาที่มีประโยชน์ ตอบคำถาม หรือรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว

 

นอกจากโซเชียลมีเดียแล้ว เทคโนโลยีดิจิทัลอื่นๆ เช่น Chatbot, Virtual Reality หรือ Augmented Reality ก็กำลังเข้ามามีบทบาทในการสร้าง Digital Branding มากขึ้นเช่นกัน เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและแปลกใหม่ให้กับลูกค้า ทำให้พวกเขารู้สึกประทับใจและอยากกลับมาใช้บริการกับแบรนด์อีก

 

หากแบรนด์สามารถสร้าง Digital Branding ที่แข็งแกร่งจนเป็นที่ยอมรับและจดจำของผู้คนทั่วโลกได้ ภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ก็จะฝังอยู่ในใจผู้บริโภคไปอีกนาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของแบรนด์และความสำเร็จในระยะยาว ดังนั้น ถ้าอยากอยู่รอดในโลกดิจิทัล ธุรกิจจะต้องปรับตัวและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลให้เป็น เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้านั่นเอง

ข้อแตกต่างระหว่าง digital-marketing กับ digital-branding
ข้อแตกต่างระหว่าง digital-marketing กับ digital-branding

หลักในการสร้าง Digital Branding

Digital Branding หรือการสร้างแบรนด์ในโลกดิจิทัล ไม่ได้หมายถึงแค่การทำการตลาดหรือโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่เป็นการสร้างเอกลักษณ์และบุคลิกภาพของแบรนด์ผ่านทุกจุดสัมผัสบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล หรือแอปพลิเคชัน

 

Digital Branding คือ การบอกเล่าเรื่องราวและสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า ผ่านการออกแบบ เนื้อหา ภาพ และวิดีโอที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์

 

การทำ Digital Branding ไม่ใช่แค่การสร้างการรับรู้ แต่เป็นการสร้างความผูกพันทางใจระหว่างแบรนด์กับลูกค้า เป้าหมายคือการทำให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมและเชื่อมโยงกับแบรนด์ในระดับอารมณ์ ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์บนช่องทางดิจิทัลต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น Digital Branding ยังช่วยสร้างความแตกต่างให้แบรนด์โดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งบนโลกออนไลน์ที่มีอยู่มากมาย

 

ด้วยอิทธิพลของสื่อโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน การสร้างแบรนด์บนโลกออนไลน์จึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ เพราะสื่อเหล่านี้กำลังกลายเป็นช่องทางหลักที่ผู้บริโภคทั่วโลกใช้ในการรับข้อมูลและติดต่อสื่อสาร หากแบรนด์สามารถสร้าง Digital Branding ได้อย่างแข็งแกร่งและประสบความสำเร็จ ภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ก็จะอยู่ในความทรงจำของผู้บริโภคไปอีกนาน กลายเป็นทุนที่มีค่าในการสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจในระยะยาว

ข้อแตกต่างระหว่าง digital marketing กับ digital branding
ข้อแตกต่างระหว่าง digital marketing กับ digital branding

Digital Marketing กับ Digital Branding เป็นสองแนวคิดที่มักถูกเข้าใจผิดและใช้แทนกันอยู่บ่อยครั้ง แต่แท้จริงแล้วทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน Digital Marketing เน้นไปที่การทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการขายและเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ ในขณะที่ Digital Branding มุ่งเน้นไปที่การสร้างภาพลักษณ์และบุคลิกภาพของแบรนด์ผ่านประสบการณ์ดิจิทัล เพื่อสร้างความผูกพันและความภักดีของลูกค้าในระยะยาว

 

หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้น Digital Marketing เหมือนกับการพยายามเชิญชวนให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการ ด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การลดราคา การให้คูปองส่วนลด หรือการโฆษณาผ่านแบนเนอร์และวิดีโอ ส่วน Digital Branding เป็นเหมือนการสร้างความสัมพันธ์และความประทับใจกับลูกค้า ผ่านการออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย

 

สรุป ข้อแตกต่างระหว่าง Digital Marketing กับ Digital Branding ได้ดังนี้

หัวข้อ Digital Marketing Digital Branding
เป้าหมายหลัก เพิ่มยอดขายและรายได้ สร้างภาพลักษณ์และความผูกพันกับแบรนด์
กลยุทธ์ โฆษณา, โปรโมชั่น, ส่วนลด เล่าเรื่องราวแบรนด์, สร้างประสบการณ์ลูกค้า
เครื่องมือ Google Ads, Facebook Ads, อีเมลมาร์เก็ตติ้ง เว็บไซต์, บล็อก, โซเชียลมีเดีย
ผลลัพธ์ เพิ่มลูกค้าและรายได้ระยะสั้น สร้างความจงรักภักดีและมูลค่าแบรนด์ระยะยาว

 

จะเห็นได้ว่า Digital Marketing กับ Digital Branding ต่างมีบทบาทสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ แต่ทั้งสองมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่แตกต่างกัน การทำ Digital Marketing อย่างเดียวโดยละเลย Digital Branding อาจทำให้ธุรกิจพลาดโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ในขณะเดียวกัน การมุ่งสร้าง Digital Branding โดยไม่คำนึงถึง Digital Marketing ก็อาจไม่เพียงพอต่อการสร้างยอดขายและรายได้ให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญกับทั้งสองสิ่งนี้ควบคู่กันไป เพื่อสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนในโลกดิจิทัล

 

เทคนิคการสร้าง Digital Branding ด้วย Digital Marketing และ Case Study

ในโลกดิจิทัลที่แบรนด์ต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือด การสร้าง Digital Branding ให้โดดเด่นและน่าจดจำไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากแบรนด์รู้จักใช้เครื่องมือ Digital Marketing อย่างมีกลยุทธ์ วันนี้เรามาดูเทคนิคง่ายๆ ในการสร้าง Digital Branding ผ่านการทำ Digital Marketing กัน

 

1. เล่าเรื่องราวแบรนด์ผ่าน Content Marketing

การสร้างเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนตัวตนของแบรนด์ เป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง Digital Branding ไม่ว่าจะเป็นบทความบล็อก ภาพกราฟิก วิดีโอ หรือ Podcast ก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์กาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks ที่มีการเล่าเรื่องราวเบื้องหลังและที่มาของกาแฟแต่ละแก้วผ่านบล็อกและโซเชียลมีเดีย ทำให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยงกับแบรนด์มากขึ้น

 

2. โต้ตอบกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย

โลกโซเชียลทำให้แบรนด์สามารถพูดคุยกับลูกค้าแบบสองทิศทาง สร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพันได้ง่ายขึ้น แบรนด์ควรมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการตอบคำถาม รับฟังความคิดเห็น หรือสร้างแคมเปญที่ชวนให้ลูกค้าร่วมสนุก เหมือนที่ Airbnb ทำผ่านแฮชแท็ก #OneLessStranger ให้ลูกค้าแชร์เรื่องราวประสบการณ์การเข้าพักและพบปะผู้คน

 

3. สร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกจุดสัมผัส

Digital Branding ไม่ได้จำกัดอยู่แค่หน้าจอ แต่ขยายไปยังประสบการณ์ในโลกจริงด้วย แบรนด์ต้องคิดถึง Customer Journey และออกแบบประสบการณ์ที่ดีในทุกจุดสัมผัส ตั้งแต่เมื่อลูกค้าเข้าเว็บไซต์ สั่งซื้อสินค้า ไปจนถึงได้รับสินค้าและบริการหลังการขาย อย่างเช่น Apple ที่ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างประสบการณ์ลูกค้าเหนือระดับ ตั้งแต่การเดินเข้าไปในร้าน การเลือกซื้อ การตั้งค่าสินค้า ไปจนถึงการเข้ารับบริการที่ Genius Bar ทุกจุดสัมผัสล้วนส่งมอบประสบการณ์ที่พิเศษและติดตรึงใจ

 

4. เชื่อมโยงออนไลน์กับออฟไลน์

ในยุคที่โลกออนไลน์และออฟไลน์เชื่อมถึงกันอย่างแนบแน่น การทำ Digital Branding จึงต้องเชื่อมโยงทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่นแคมเปญ “Share a Coke” ของ Coca-Cola ที่ให้ลูกค้าออกแบบกระป๋องโค้กในเวอร์ชั่นของตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน แล้วนำโค้ดไปแลกรับกระป๋องจริงที่ตู้จำหน่ายอัตโนมัติ หรือแคมเปญของ McDonald’s ที่ใช้ AR เกมในแอปฯ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่ร้านมากขึ้น

 

5. วัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การสร้าง Digital Branding ที่ดีต้องอาศัยการทดลอง เก็บข้อมูล และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ควรติดตามดูแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้าและผลตอบรับ เพื่อหาจุดแข็ง จุดอ่อน และโอกาสในการพัฒนา อย่างเช่น Domino’s Pizza ที่ใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าในการวิเคราะห์พฤติกรรมการสั่งซื้อของลูกค้าแต่ละคน เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นและข้อเสนอที่ตรงใจมากที่สุด พร้อมปรับปรุงประสบการณ์การสั่งซื้อออนไลน์ให้ง่ายและสะดวกขึ้นเรื่อยๆ

 

จากเทคนิคและตัวอย่างที่หลากหลาย จะเห็นได้ว่าการสร้าง Digital Branding ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ขอเพียงแค่แบรนด์ยอมเปิดใจทดลองทำสิ่งใหม่ๆ กล้าคิดนอกกรอบ และใส่ใจรับฟังเสียงของลูกค้าอย่างแท้จริง ไม่ว่าแบรนด์จะเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งบนโลกดิจิทัลได้ ด้วยพลังของ Digital Marketing 

 

คุณสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นกับ บทความ ” ข้อแตกต่างระหว่าง digital marketing กับ digital branding ” นี้ ด้วยการคอมเม้นต์ด้านล่างนี้ หรือ ทักไลน์มาพูดคุยกันได้ที่ @brandingchamp

 

ข้อแตกต่างระหว่าง-digital-marketing-กับ-digital-branding
ข้อแตกต่างระหว่าง-digital-marketing-กับ-digital-branding

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *