ออกแบบบรรจุภัณฑ์ / ออกแบบผลิตภัณฑ์ คือ อะไร มี หลักการ ยังไงให้ได้ใจลูกค้า

การออกแบบบรรจุภัณฑ์และการออกแบบผลิตภัณฑ์คืออะไรมีหลักการยังไงให้ได้ใจผู้บริโภค

การออกแบบบรรจุภัณฑ์

การออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึง การออกแบบผลิตภัณฑ์ มีความจำเป็นและสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการทำธุรกิจ ตั้งแต่สมัยที่คนยังไม่รู้จักว่าเงินคืออะไรด้วยซ้ำ เพราะมนุษย์เรามีความคิดสร้างสรรค์จึงทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตมาตั้งแต่สมัยยุคหินแล้ว ดังนั้น แนวคิดหรือหลักการที่เกิดขึ้น จึงเป็นการรวบรวมผ่านประสบการณ์จนกลายมาเป็นหลักการต่างๆในการออกแบบบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ที่นักออกแบบได้ร่ำเรียนกันในทุกวันนี้ แต่ก่อนจะไปถึงรายละเอียดและหลักการว่าเราจะทำอย่างไรให้การออกแบบบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ของ SME รายย่อยๆ ที่มีงบประมาณจำกัด จะได้นำไปใช้เพื่อออกแบบให้สินค้าและผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นผลิตภัณฑ์อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามดึงดูดใจผู้บริโภคได้อย่างมีหลักการ เราก็ต้องมาเรียนรู้กันก่อนว่า ความหมายของสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้หลักการนี้ หมายถึงอะไร และ มันคืออะไร กันแน่…

 

ก่อนอื่นต้องขอแยกเป็น 2 เรื่อง นั่นคือ เรื่องของ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ การออกแบบผลิตภัณฑ์

 

การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ( packaging design ) คือ การวางแผนและการสร้างสรรค์ผลงาน สินค้า หรือ ผลิตภัณฑ์ ให้เห็นถึงหน้าที่การทำงานเพื่อใช้ใน การบรรจุ ห่อหุ้ม หรือ ปกป้อง สิ่งของหรือสินค้า โดบมีประโยชน์ในหลายๆด้าน เช่น ความสวยงาม ความคงทน และ ป้องกันสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ด้านใน ไม่ให้เกิดความเสี่ยง หรือ เป็นอันตรายแตกหักชำรุด

 

การออกแบบผลิตภัณฑ์ ( product design ) คือ การคิดและการวางแผนเพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาบางอย่างในการดำเนินชีวิต หรือ ทำเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และสิ่งที่มีอยู่แล้ว ให้ตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้หรือผู้บริโภคให้เหมาะสมและดียิ่งขึ้น

 

ออกแบบผลิตภัณฑ์
ออกแบบผลิตภัณฑ์

 

ทั้งสองสิ่งในด้านของการออกแบบนี้ มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกัน จนแทบจะแยกกันไม่ออก ยิ่งเป็นยุคสมัยที่ใครต่อหลายคนกล่าวไว้ว่า

“ไม่มีสิ่งใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ดวงนี้อีกแล้ว”

หากคุณลองสังเกตด้วยตัวเองว่า ประโยคที่ได้กล่าวข้างต้น ค่อนข้างมีความเป็นจริงสูง เนื่องจากว่า แม้จะเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ในทุกๆวันนี้ ก็แทบจะเป็นสิ่งที่เคยมีมาแล้วในอดีตทั้งสิ้น แต่เกิดการพัฒนาการ ควบรวม และ ประสานความสามารถเพิ่มเข้าไปอีก จนเรียกได้ว่าเป็น นวัตกรรม innovation

 

หากคุณยังมีความคิดขัดแย้งอยู่ ลองนึกภาพตามง่ายๆ ในเรื่องของการพัฒนาสมาร์ทโฟน ตัวอย่างที่ชัดที่สุด นั่นคือ iPhone ก่อนหน้าที่จะมีการสร้างนวัตกรรมชิ้นนี้ขึ้น ส่วนประกอบทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีมาก่อน iPhone ทั้งสิ้น ตัวอย่าง เช่น โทรศัพท์มือถือ ก็มีผู้นำในตลาดอยู่แล้ว เช่น nokia หรือ ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือนั้น ก็มี windows symbian มาก่อน ถ้าเป็นด้านของ กล้องถ่ายภาพขนาดเล็ก ที่เรียกว่ากล้องคอมแพค ก็มีมาก่อนแล้ว เช่นกัน

 

แต่แล้วสุดท้าย หลายสิ่งหลายอย่าง ถูกผนวกรวมกันอยู่ในหนึ่งเดียวจนออกมาเป็นโทรศัพท์มือถือที่มียอดขายมหาศาลอย่างในปัจจุบัน ที่ชื่อ iPhone

 

การออกแบบบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์นั้น มีความจำเป็นต่อมนุษย์อย่างยิ่ง ในสมัยก่อนหากเรายังดำรงชีวิตเป็นมนุษย์ถ้ำและออกล่าสัตว์เพื่อกินประทังชีวิต ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงหลักการและการใช้แนวคิดเหล่านี้ได้เลย เราเคยนำ หิน มาประดิษฐ์จนกลายเป็น มีดและหอกแหลม เพื่อไว้ป้องกันตัว รวมถึง ล่าสัตว์เป็นอาหาร ดังนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่า หลักการในทางปฏิบัติของสิ่งเหล่านี้ ติดตัวมากับมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว 

 

ในยุคแรกๆ ของเรื่องการพัฒนาสินค้าและบรรจุภัณฑ์ จะเป็นเรื่องของยุคอุตสาหกรรมที่แรกเริ่มเดิมที ส่วนมากจะเป็นการผลิตด้วยสิ่งที่เปราะบาง อย่างเช่น แก้ว ในสมัยก่อนภาชนะบรรจุภัณฑ์ รวมถึง สินค้าต่างๆ ในชีวิตประจำวันก็จะออกมาในแนวเดียวกัน คือ เป็น แก้ว เป็น จาน ที่มีความเสี่ยงในการแตก และ มันเปราะบาง จำเป็นต้องพึ่งระวังในการใช้

 

ปัญหาเหล่านี้ก็อยู่ในใจผู้บริโภคตลอดมา จนวันหนึ่งมีการคิดค้นเพื่อจะนำดีบุกและเหล็กมาเป็นส่วนประกอบในการสร้างสรรค์และออกแบบทั้งผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ จึงเกิดยุคถัดมา คือ ยุคของ เหล็ก อลูมิเนียม และ การพัฒนาหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ ในรูปแบบ กระป๋องสแตนเลส ช้อนส้อม และ ต่างๆอีกมากมาย ที่แก้ปัญหาบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์รูปแบบเดิมที่เป็น แก้วและเซรามิค ที่ค่อนข้างบอบบาง

 

แต่แล้วมนุษย์ก็ยังพบว่า มีปัญหาบางประการที่ควรจะถูกแก้ไขในการใช้วัตถุดิบที่เป็นแก้ว รวมถึง เหล็ก เหล่านี้

 

หลักๆนั่นก็คือ เรื่องของความยืดหยุ่นและน้ำหนัก รวมถึง รูปแบบการใช้สอยที่อาจจะทำให้เหมาะกับผู้บริโภคได้ยาก ถ้าเป็นแก้วและเหล็ก จนในที่สุด วิทยาการด้านเคมี ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการค้นคิดและประดิษฐ์ “เม็ดพลาสติก” ขึ้นมา จากนั้นโลกก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

 

เรามีรูปแบบของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย การออกแบบก็ทำได้หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคและผู้ใช้งานได้มากขึ้น และ นี่คือ ประวัติโดยสังเขปคร่าวๆ ของการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์และทำให้เป็นหลักการต่างๆให้เราได้เรียนรู้มาถึงทุกวันนี้

 

การ ออกแบบ ผลิตภัณฑ์
การ ออกแบบ ผลิตภัณฑ์

 

เมื่อเราได้รู้ตำนานและประวัติของการออกแบบสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์เหล่านี้แล้ว ก็มาถึงเรื่องใกล้ตัวสำหรับ ผู้ประกอบการ นักเรียน นักศึกษา หรือ ผู้ที่กำลังมองว่า จะเป็น นายของตัวเอง ต้องการทำธุรกิจ ต้องการมีสินค้าเป็นของตัวเอง สิ่งที่คิดเริ่มต้นในช่วงแรก ถ้าต้องการทำผลิตภัณฑ์หรือสินค้าชิ้นใหม่ๆ นั่นก็คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์นั่นเอง ดังนั้น เราควรจะต้องเรียนรู้ก่อนว่าอะไร คือ หลักการที่ถูกต้อง ที่จะไม่ทำให้เราเวลาไปกับการมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบโจทย์ใดๆเลย แถมยังเป็นปัญหาและอาจทำให้ธุรกิจไม่ก้าวหน้าอีกด้วย

 

 

หากเราร่ำเรียนในตำราหรือตามหลักสูตรในอุดมศึกษาทั่วๆไป ก็จะต้องเริ่มต้นกันที่เรื่องของการคิดสร้างสรรค์เพื่อออกแบบ ผลิตภัณฑ์ product กันก่อน แล้วก็มาเรียนรู้ว่า เราจะนำผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมา ตกแต่ง เพิ่มเติม ให้สวยงาม ได้อย่างไร ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือ packaging design ในความเป็นจริงแล้ว นี่คือ หลักการเริ่มต้นที่ง่ายที่สุดในการตั้งหลัก ในทางปฏิบัติ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ในทุกๆวันนี้ มีสินค้ามากมายในตลาด

 

หากเราเดินไปในซุปเปอร์มาเก็ตหรือแม้กระทั่งร้านขายปลีกขนาดย่อมก็ตาม เราจะได้เห็นสินค้าเป็นหมื่นเป็นพันอยู่บนชั้นวางสินค้า ทำให้เราต้องกลับมาคิดว่า ถ้าสินค้าของเราที่จะออกแบบออกไปนั้น ใส่หีบห่อบรรจุภัณฑ์เพื่อไปวางในชั้นวางสินค้าในสถานที่ต่างๆ มันจะมีความสามารถแค่ไหน? ที่จะโน้มน้าวและกระตุ้นจิตใจให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าได้ตัดสินใจซื้อ

 

การออกแบบผลิตภัณฑ์ product design

เป็นสิ่งแรกที่ผู้ประกอบการ ควรนึกถึง เพราะการออกแบบเกี่ยวข้องกับการค้าขาย จำเป็นจะต้องคำนึงถึงทุกองค์ประกอบตั้งแต่ตัวผลิตภัณฑ์เอง ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ และ ช่องทางการจัดจำหน่าย ที่สำคัญที่สุด คือ เรื่องของการตลาด แต่ผู้ประกอบการรายย่อย smes และ OTOP มักจะไม่ก้าวออกจากกรอบในส่วนของ การออกแบบตัวผลิตภัณฑ์ นี้ เนื่องจากว่า มีแนวความคิด หรือ mindset เดิมๆ ว่า ก็เขาทำกันมาอย่างนี้ จึงไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้ออกนอกกรอบได้

 

ดังนั้นสำหรับ ผลิตภัณฑ์ที่เป็น OTOP หรือสินค้าในตลาด SME ทั่วไป จึงออกมาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ต่อมา เมื่อมีสินค้าที่ดูแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ก็เกิดกระแสโด่งดังขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะเป็นของที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม อย่างน้อยก็จะเริ่มมีกระแสในการพูดถึงต่อๆกันไปในโลกออนไลน์ (Brand Advocacy)

 

และด้วยเหตุนี้นี่เอง การออกแบบจึงควรเริ่มต้นตั้งแต่ตัวผลิตภัณฑ์เอง เพื่อสร้างความแตกต่าง มีกรณีศึกษาต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นในการเปลี่ยนรูปลักษณ์และตัวผลิตภัณฑ์ให้แตกต่างจากสิ่งที่เคยมีอยู่ในตลาด แล้วทำให้เป็นกระแสโด่งดังขึ้นมา ตัวอย่างที่หยิบยกขึ้นมาในที่นี้เป็นเรื่องของอาหาร เช่น ร้าน หมีไรกิน 

 

ร้านหมีไรกิน แต่เดิมดูเหมือนจะเป็นร้านอาหารธรรมดา แต่สินค้าที่สร้างชื่อให้กับร้านนี้นั่นก็คือ ซูชิแบบไทยๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยเห็นมาก่อน 

 

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การออกแบบผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่เรื่องของสิ่งของหรือของใช้เพียงอย่างเดียว แต่อาหารการกิน ก็สามารถนำมาพัฒนาปรับปรุงให้ แตกต่างและโดดเด่น ในตลาดได้

 

 

นี่อาจเป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ในการเริ่มต้นพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อจะเป็นไอเดียให้คุณผู้ประกอบการ ที่ไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือเป็นสินค้าระดับ OTOP ได้ลองเอาไปคิดและพัฒนาไอเดียของคุณให้ก้าวล้ำ แตกต่างกว่าคนอื่นๆในท้องตลาด ซึ่งนอกจากความต่างนี้ จะทำให้เป็นที่ดึงดูดใจของผู้บริโภคแล้ว สิ่งที่สำคัญที่เป็นผลพลอยได้ดีอย่างยิ่ง ในการทำตัวเองให้ต่าง นั่นก็คือ การประชาสัมพันธ์ของสื่อต่างๆนั่นเอง เพราะเมื่อเกิด ความต่าง มีคนสนใจ

 

ปัจจุบันสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็น ช่องทางออนไลน์ หรือ สำนักข่าว สื่อสารมวลชน ต่างๆ ก็มีแต่จะวิ่งหาคอนเทนต์ content หรือ เนื้อหาแปลกๆใหม่ๆ ไปนำเสนอกันอยู่แล้ว นี่นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในช่วงเวลาตั้งแต่โลกถือกำเนิดมา เพราะ การมีอินเทอร์เน็ต ออนไลน์ และ ผู้บริโภคที่ทำตัวเองเป็นเหมือน สื่อ จึงทำให้ความซ้ำซาก หรือ ความน่าเบื่อหน่ายเดิมๆ มีแต่จะล้มหายตายจากไป ดังนั้น ความแตกต่างและไอเดียใหม่ๆ จะถือกำเนิดขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน

 

การออกแบบบรรจุภัณฑ์ packaging design เป็นสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงถัดไปหลังจากที่ได้ตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว เนื่องด้วยสาเหตุของการส่งมอบตัวผลิตภัณฑ์นี้ให้กับผู้ซื้อ จำเป็นจะต้องส่งออกไปในรูปแบบที่จับต้องได้ คือ Physical Product (ในกรณีที่ไม่ใช่สินค้าแบบดิจิตอล) ทุกอย่างจะต้องถูก ขนส่ง ลำเลียง หรือแม้กระทั่ง ถูกหยิบจับไปใช้สอยจากผู้ซื้อ ดังนั้น การออกแบบผลิตภัณฑ์ ว่าสำคัญแล้ว แต่ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ สิ่งห่อหุ้ม หีบห่อ หรือ ตัวกลางในการบรรจุสินค้าของคุณ นับว่ายิ่งเป็นส่วนสำคัญขึ้นมาอีกเป็นหลายเท่าตัว

 

หากแบ่งกันในทางทฤษฎี บรรจุภัณฑ์จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับง่ายๆ คือ หนึ่ง บรรจุภัณฑ์ชั้นใน ตัวอย่าง เช่น ซองขนมคุกกี้ ระดับที่ 2 คือ บรรจุภัณฑ์ชั้นนอก คือ กล่องใส่คุกกี้ และ ระดับที่ 3 นั่นคือ กล่องพัสดุในการจัดส่งหรือขนย้าย ที่เรียกว่า คาร์ตัน Carton นั่นเอง บรรจุภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องตลาดสามารถแบ่งได้คร่าวๆตามนี้

 

แต่ ไม่จำเป็นจะต้องมีให้ครบทั้ง 3 ระดับในสินค้า 1 อย่าง เพราะแล้วแต่ ประเภทของสินค้าและไอเดียของผู้ประกอบการที่จะแต่งเติมเสริมลงไปนั่นเอง แค่ประเด็นระดับทั้ง 3 ระดับของตัวบรรจุภัณฑ์ก็สามารถทำให้เราคิดได้ว่า การออกแบบบรรจุภัณฑ์ สามารถแตกยอดเสริมเพิ่มออกไปได้อีกมากมาย แต่!! จะมีหลักการใดบ้าง ที่จะทำให้เราออกแบบบรรจุภัณฑ์และตัวผลิตภัณฑ์ออกมาได้โดนใจ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และสร้างยอดขายให้กับธุรกิจเราได้อย่างชัดเจนจริงจัง

 

การออกแบบบรรจุภัณฑ์
การออกแบบบรรจุภัณฑ์

 

หลักการ การออกแบบผลิตภัณฑ์ และ การออกแบบบรรจุภัณฑ์

 

1.สำรวจและทำความเข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

 

หลักการและขั้นตอนนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ smes และ OTOP มักพลาดและลืมกันอยู่เป็นประจำ โดยคิดแต่เพียงว่า ฉันมีสินค้า ฉันต้องการจะขายออกไป โดยลืมมองไปว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร? ลูกค้ามีปัญหาอะไรที่สินค้าเราสามารถตอบโจทย์ให้เขาได้บ้าง และ ที่สำคัญที่สุด คือ ในตลาดมีสินค้าที่ตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้าเหล่านี้โดยตรงและตอบโจทย์ให้สินค้าได้ดีอยู่แล้วแค่ไหน?

 

หากเราตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน รวมถึง หาความแตกต่างและจุดยืนในตลาด ในมุมมองของลูกค้าได้ ก็จะทำให้เราสามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ออกมาได้อย่างโดดเด่น ตรงใจลูกค้า และแน่นอนว่าลูกค้าก็พร้อมที่จะควักกระเป๋าเพื่อจ่ายตังให้คุณอย่างแน่นอน

 

วิธีที่แนะนำ คือ การสำรวจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อาจจะทำได้โดย การสัมภาษณ์โดยตรง การทำสำรวจตอบแบบสอบถาม หรือ การสร้างระบบเซอร์เวย์ในโลกออนไลน์สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณได้รู้ข้อมูลเบื้องลึก (Customer Insight) บางอย่างที่คุณอาจจะยังไม่เคยได้คิดถึงหรือไม่เคยรู้มาก่อนจากปากผู้ซื้อหรือผู้บริโภคสินค้าของคุณโดยตรง

 

วิธีอีกอย่างหนึ่ง ที่อาจจะยังไม่เหมาะกับผู้ประกอบการ smes และ OTOP ในประเทศไทยมากนัก นั่นคือ การใช้เครื่องมือออนไลน์ ที่เรียกว่า Social Monitoring หรือ Social Listening ด้วยตัวระบบนี้เอง มันจะทำการเก็บข้อมูลผู้ที่พูดถึงแบรนด์สินค้าของคุณ หรือ แม้กระทั่งแบรนด์สินค้าของคู่แข่งอยู่ตลอดเวลา และ เก็บข้อมูลแบบทันที Real time หรือ เก็บข้อมูลแทบจะทันทีที่ลูกค้าหรือผู้บริโภคมีการโพสต์ลงไปในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบน ฟอร์มไหน ก็ตาม เช่น facebook เว็บไซต์ pantip กระทู้ต่างๆ เมื่อเราได้ข้อมูลเหล่านี้มามากเพียงพอ ก็จะทำให้เราเห็นแนวโน้ม เห็นข้อมูลทางสถิติ รวมถึง รู้ พฤติกรรมเชิงลึก customer insight ว่าลูกค้ามีความต้องการหรือมีปัญหาอะไร ได้อย่างชัดเจนและแม่นยำมากขึ้น

 

2. สำรวจงบประมาณและความสามารถในการลงทุนในเรื่องของ product design และ packaging design

 

หลังจากที่เราได้ข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังความคิดของผู้บริโภคและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรามาเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีไอเดียบางอย่างและมองเห็นมุมมองได้ชัดขึ้น ว่าในตลาดยังขาดสินค้าอะไรบ้าง หรือ มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่ยังไม่เคยถูกทำออกมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้เลย ถ้าเราทราบข้อมูลอย่างนี้แล้ว ก็สามารถเริ่มลงมือปฏิบัติในการออกแบบทั้งตัวผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ได้ทันที แต่ ที่สำคัญที่สุดที่มักจะเป็นปัญหากับผู้ประกอบการรายย่อยโดยตรง นั่นก็คือเรื่องของ งบประมาณ 

 

การออกแบบ บรรจุภัณฑ์
การออกแบบ บรรจุภัณฑ์

 

ดังนั้น ถ้าในกรณีที่ งบประมาณของคุณ ไม่เพียงพอ ต่อการทำ การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้ดูหรูหรา ให้ดี มีคุณภาพแบบสุดยอดกว่าคู่แข่งในท้องตลาด วันนี้เรามี 3 เทคนิค ที่จะทำให้สินค้าคุณน่าสนใจขึ้นมา โดยอาจจะไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายเลย

 

3 เทคนิคทำให้สินค้าน่าสนใจด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์

 

1. หาแหล่งขาย

สำหรับถ้าเป็นเรื่องของตัวผลิตภัณฑ์แล้วล่ะก็ แหล่งขาย หมายถึง แหล่งวัตถุดิบที่เราจะสามารถหาได้ และ ควรจะเป็นวัตถุดิบที่มีราคาถูก พอที่จะหาซื้อและเข้าถึงง่ายที่สุด คือ การหาวัตถุดิบที่มาเป็นปัจจัยหลักของการผลิตสินค้าของเรา ที่เป็น วัตถุดิบท้องถิ่น นั่นเอง ยิ่งในประเทศไทยแต่ละท้องถิ่นท้องที่ จะมีวัตถุดิบหรือสิ่งเชิดหน้าชูตาของจังหวัดหรืออำเภอนั้นๆ ที่สามารถหาได้ง่ายๆ เฉพาะในท้องที่ ถ้าคุณพอนึกออกแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องง่ายทีเดียว ที่จะนำวัตถุดิบเหล่านั้น มาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าของคุณให้ดูน่าสนใจในงบประมาณต่ำ

 

ส่วนถ้าเป็นเรื่องการหาแหล่งขาย สำหรับ บรรจุภัณฑ์ แล้วล่ะก็ เริ่มง่ายๆด้วย การลองค้นหาใน google แต่ถ้าอยากจะให้ตรงประเด็นไปเลย เรามีเว็บไซต์แนะนำในการค้นหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเว็บไซต์ของไทย เช่น

b1package.com

wawapack.com

และอีกแหล่งหนึ่งที่คุณอาจจะต้องค้นคว้าหาดู และ เปรียบเทียบผู้ขายด้วย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้ขายบรรจุภัณฑ์ที่ส่งตรงจาก ประเทศจีน นั่นก็คือ เว็บไซด์ อย่าง 

lazada.co.th

 

2. แหล่งความรู้

ถ้าต้องการใช้งบน้อยๆ เราต้องมีมุมมองและความรู้ใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมเสริมให้ตัวเอง ในด้านการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ คุณก็สามารถนำความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ได้ทันที ตัวอย่าง เช่น ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ คุณสามารถค้นหา ดูตัวอย่างและวิธีทำได้ในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น google หรือ YouTube

 

ส่วนใหญ่ก็จะมีคนแชร์ วิธีผลิต วิธีทำ ไว้ทั้งเป็น บทความ และ วีดีโอ ดังนั้นคุณก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับตัวคุณเองได้ นี่รวมไปถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ด้วย เพราะเช่นเดียวกัน ในโลกออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น บทความต่างๆ (Articles) ที่สอนเทคนิค วิธีผลิตบรรจุภัณฑ์ เช่น ถุง กระเป๋า หีบห่อต่างๆ คุณสามารถค้นหาได้เองผ่าน google และ มากไปกว่านั้น ถ้าคุณอยากเห็น วิธีทำ (HOW TO) อย่างละเอียดสำหรับบรรจุภัณฑ์เหล่านั้น คุณสามารถลองค้นหาใน youtube เพื่อดูใน รูปแบบวีดีโอ ที่โดยมากก็จะมีคนแชร์ วิธีและขั้นตอนการทำโดยละเอียด สิ่งเหล่านี้เอง คือ แหล่งความรู้ในโลกออนไลน์ที่ดีมากๆและสามารถทำตามได้ทันที

 

3. มีผู้ช่วย

 

ในปัจจุบัน หน่วยงานของทางภาครัฐ ที่ได้รับนโยบายตรงจากรัฐบาล ส่วนใหญ่จะมีการสนับสนุนในเรื่องของ ไม่ว่าจะเป็น การอบรม ให้ความรู้ การสอนวิชาชีพ รวมถึง การตั้งกลุ่มพัฒนา ผู้ประกอบการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือ บุคคลทั่วไป ให้สามารถสร้างรายได้ สร้างธุรกิจ ดังนั้น ในหัวข้อนึง ที่หลากหลายหน่วยงานได้ให้ความรู้และเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้เข้าร่วมกิจกรรม (ทั้ง อบรม สัมมนา และ การสอนวิชาชีพเชิงปฏิบัติ) นั่นก็ คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ นั่นเอง

 

จากประสบการณ์ตรงของผม ที่ได้เป็น วิทยากร ให้กับหน่วยงานต่างๆมากมาย ก็เห็นว่าทางภาครัฐ ได้ให้การสนับสนุนในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ไม่ใช่แต่เพียงการให้ความรู้ ในบางครั้ง ถึงขนาด ช่วยเหลือด้านการออกแบบให้กับผู้ประกอบการทั่วไป โอทอป หรือบุคคลที่ให้ความสนใจ แบบ ฟรีๆ โดยเชิญ นักออกแบบเก่งๆ อาจารย์ทางด้านการออกแบบ หรือ แม้กระทั่งนักศึกษาจบใหม่ ที่ต้องการช่วยเหลือสังคมและต้องการพัฒนาผู้ประกอบการไทย เข้ามาร่วมมือกันอย่างพร้อมเพรียง ดังนั้น โอกาสเหล่านี้นี่เอง จะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้คุณสามารถพัฒนาธุรกิจและสินค้าของคุณได้อย่างยอดเยี่ยม

 

นอกจากนั้น หากงบประมาณที่คุณคิดว่ามีไว้อย่างจำกัด และ ยังไม่กล้าเท่าไหร่นัก ในการลงทุนกับการออกแบบผลิตภัณฑ์และออกแบบบรรจุภัณฑ์ คุณสามารถลองใช้หลักการที่เรียกว่า การ “ใส่ความต่าง” Differentiate นี้ดู

 

การออกแบบผลิตภัณฑ์
การออกแบบผลิตภัณฑ์

 

เรื่องง่ายๆที่คุณสามารถเริ่มได้เอง คือ การออกแบบโลโก้ Logog หรือ แบรนด์ Brand ที่คุณคิดว่าเป็นตัวตนของคุณ ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้ หรูหรา ใหญ่โต เพียงแค่ นำเสนอไอเดียและความเป็นตัวตนของคุณและสินค้าของคุณผ่านโลโก้เล็กๆตัวนี้ และ ใช้แค่เพียงการพิมพ์ออกมาเป็นสติกเกอร์ เพื่อติดลงบนบรรจุภัณฑ์หรือตัวสินค้าต่างๆของคุณ เท่านี้คุณก็สามารถแตกต่างจากสินค้าที่ขายกันอยู่ทั่วๆไปแล้ว เพราะคุณมีแบรนด์แล้ว (ในเบื้องต้น) แม้ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆก็ตาม แต่ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่คุณจะสร้างแบรนด์ของคุณให้ใหญ่ต่อไปได้ในอนาคต

 

การสร้างความต่างหรือการใส่ความต่างลงไปในบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจต่อลูกค้าที่พร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าของคุณนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่อาจจะเป็นจุดพลิกธุรกิจของคุณให้ดียิ่งขึ้นได้ คือ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativities)

 

มีเรื่องเล่าที่เป็นกรณีศึกษามากมาย ที่การขายสินค้าธรรมดาๆ แต่เมื่อได้เติม ความคิดสร้างสรรค์ ลงไป กลายเป็นทำให้ธุรกิจพลิกฟื้นหรือประสบความสำเร็จได้อย่างใหญ่โต ตัวอย่างหนึ่ง ในต่างประเทศ เป็นเรื่องเล่าที่ผมได้ฟังมาจาก นักการตลาดระดับโลก ที่ชื่อ Seth godin

 

เขาเล่าว่า ในยุคหนึ่ง สมัยที่สหรัฐอเมริกาอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ส่งผลให้สภาพทางสังคมตึงเครียดและเงียบเหงากันไปทั้งประเทศ สภาพแบบนี้ไม่เพียงส่งผลทางสังคมต่อผู้ใหญ่วัยทำงาน แต่กลับหยั่งรากลึกลงไปถึงในระดับเด็กอนุบาลเลยด้วยซ้ำ เพราะ เด็กๆก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน เมื่อพ่อแม่ไม่สามารถใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ ไม่สามารถเสียค่าใช้จ่ายให้กับการพาลูกออกไปเที่ยวได้ เท่านั้นไม่พอ การซื้อของใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น ของเล่น หรือ เสื้อผ้า ให้ลูกๆ ก็กลายเป็นเรื่องยากไปด้วย ทุกอย่างจำเป็นต้องรัดเข็มขัด เนื่องจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้เอง เด็กๆชั้นอนุบาล จึงไม่มีเรื่องที่จะคุยกันเท่าไหร่ ความสนุกสนาน ก็น้อยลงตามไปด้วย

 

แล้ววันหนึ่ง ก็มีเด็กผู้หญิงคนนึง ใส่ถุงเท้าที่มีสีสันต่างกัน (หมายถึง ทั้งสองข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง) แถมถุงเท้านั้น ก็ยังมี ปากกาแถมมา ให้เพื่อให้เด็กๆขีดเขียนลงไปบนถุงเท้าได้อย่างสนุกสนาน เมื่อเด็กผู้หญิงคนนี้ มีถุงเท้าสนุกๆแบบนี้ใส่มาโรงเรียน ก็ทำให้เด็กผู้หญิงคนอื่นๆที่เป็นเพื่อนร่วมห้อง เข้ามาถามและให้ความสนใจที่จะเล่นกับถุงเท้าของเธอกันเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดเพื่อนๆของเด็กผู้หญิงคนนี้ก็กลับไปที่บ้านเพื่อจะบอกพ่อแม่และผู้ปกครองของพวกหนูน้อยว่าอ ยากได้ถุงเท้าแบบเด็กผู้หญิงคนนี้บ้าง

 

ธุรกิจถุงเท้านี้เป็นเว็บไซต์ธรรมดาๆ แต่สิ่งที่เขาขายอยู่บนเว็บไซต์นั้น ช่างไม่ธรรมดาเสียเลย นั่นคือ การเติมไอเดียแปลกแหวกแนวไป (แต่ก็ไม่ได้ใช้ค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย) เพราะเว็บไซต์นี้ ขายถุงเท้าสีสันแปลกๆ ที่ใน 1 ชุดจะมี 3 ข้าง (ที่แต่ละข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง) นี่แหละ คือ สิ่งที่แปลกเป็นอย่างยิ่ง เพราะโดยปกติการขายถุงเท้าจะขายเป็น “คู่” และ “เหมือนกัน” แต่สิ่งที่ทำให้เว็บไซต์และร้านค้าออนไลน์ร้านนี้แตกต่าง คือเขาขายถุงเท้าเด็ก 3 ข้าง ที่สีไม่ซ้ำกันเลย รวมถึง แถมปากกาไปให้เด็กๆได้ระบายสีและขีดเขียนลงบนถุงเท้านั้นได้อีกด้วย จึงเป็นที่ถูกใจของเด็กๆในยุคนั้นอย่างยิ่ง ร้านค้าออนไลน์นี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก คุณสามารถเข้าไปดูได้ด้วยตัวเองกับเว็บไซต์ที่ชื่อ littlemissmatched.com

 

ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ที่การใช้ไอเดียใหม่ๆหรือไอเดียแปลกๆเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการมีงบประมาณไม่เพียงพอในการออกแบบบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ แต่เพียงแค่ไอเดียเล็กๆบางอย่างกลับพลิกฟื้นให้สินค้าขายดีได้มากกว่าการลงทุนมากๆ เสียด้วยซ้ำ

 

ท้ายที่สุดแล้วไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์ต่างๆที่คิดออกมาได้ แม้ว่าจะมีงบประมาณในการผลิตสินค้ามากหรือน้อยก็ตาม หรือมีการใส่ไอเดียใหม่ๆลงไปได้แล้ว แต่! สิ่งเหล่านี้จะไม่ประสบผลสำเร็จเลย ถ้าคุณไม่ย้อนกลับไปดูไอเดียเริ่มต้น (ในข้อ 1) ของบทความนี้ นั่นก็คือ คุณจำเป็นจะต้องเข้าใจให้มากที่สุดถึงลูกค้าของคุณ ว่า เขาต้องการอะไร? เขาต้องการแก้ปัญหาอะไรให้กับชีวิตของเขา? ถ้าสิ่งเหล่านั้นสินค้าของคุณไปช่วยแก้ปัญหาได้แล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นไอเดียเล็ก ไอเดียใหญ่ แปลก ใหม่ หรือว่ามี บรรจุภัณฑ์ที่สุดแนว ที่สวยงามมากน้อยเพียงใดก็ การันตีได้อย่างแน่นอนว่า มันจะต้องขายได้แน่ๆ

 

คุณสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเรื่องของ ” ออกแบบบรรจุภัณฑ์ / ออกแบบผลิตภัณฑ์ คือ อะไร มี หลักการ ยังไงให้ได้ใจลูกค้า ” ได้อย่างอิสระด้วยการคอมเม้นต์ด้านล่างบทความนี้ หรือ ทักไลน์มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ที่ ไลน์ไอดี @brandingchamp ตลอดเวลาครับ

 

การ ออกแบบ บรรจุภัณฑ์
การ ออกแบบ บรรจุภัณฑ์

3 Replies to “ออกแบบบรรจุภัณฑ์ / ออกแบบผลิตภัณฑ์ คือ อะไร มี หลักการ ยังไงให้ได้ใจลูกค้า”

  1. สวัสดีค่ะ
    ขอความอนุเคราะห์สอบถามข้อมูลค่ะ
    เกียวการออกแบบอัตลักษณ์ของชุมชนค่ะพอจะมีนักศึกษาที่จบใหม่ด้านนี้ไหมค่ะ เพื่ออยากจะช่วยเหลือ
    กลุ่มอาชีพได้บ้างคะ
    พอดีกำลังหาข้อมูลค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *