ทำไมคุณควร จ้าง ที่ปรึกษาธุรกิจ / เอเจนซี่ ด้วยทั้งหมดที่มี
ทำไมคุณควร จ้าง ที่ปรึกษาธุรกิจ / เอเจนซี่ ด้วยทั้งหมดที่มี
ที่ปรึกษาธุรกิจ
ที่ปรึกษาธุรกิจ เป็นเรื่องที่ในช่วง 10 ปีแรกของการเป็นผู้บริหารบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยี ผมได้รับคำแนะนำอยู่บ่อยครั้ง เกี่ยวกับเรื่องของการทำอย่างไร ให้มีทีมที่แข็งแกร่ง ซึ่งมันสำคัญและจำเป็นมากในการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ บริษัทเอเจนซี่ หรือ ที่ปรึกษาธุรกิจ ไม่เคยอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของบทสนทนาเหล่านี้เลย เพราะโดยปกติมันจะเป็นเรื่องของ การจ้างพนักงานประจำทำงานเต็มเวลา ในตำแหน่งต่างๆ ที่คุณอยากให้คนเหล่านั้นมาช่วยเสริมทัพให้กับบริษัทคุณ
การ จ้างเอเจนซี่ จะทำขึ้นก็ต่อเมื่อคุณอยากจะให้ฟังก์ชั่นการทำงานเหล่านั้น เป็นไปอย่างอัตโนมัติ แล้วไม่ต้องสนใจมัน หรือ ไม่ต้องทำมันให้ดีมากก็ได้ เพื่อนผมที่ดำรงตำแหน่ง CEO ในหลากหลายบริษัท หรือ แม้กระทั่งผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์และนักลงทุน หลายคน บอกกับผมว่า
ถ้าคุณต้องการวิศวกรที่มี พรสวรรค์ระดับเวิลด์คลาสหรือระดับโลก คุณก็แค่ต้องจ้างวิศวกรเหล่านั้นเข้ามา
ถ้าคุณต้องการ การตลาดที่โดดเด่น เป็นที่น่าจดจำ คุณจำเป็นต้องจ้างนักการตลาดแบบเต็มเวลา
ถ้าคุณต้องการคำแนะนำทางการเงินที่เป็นที่ยอมรับ คุณก็เพียงต้องจ้างทีมบริหารจัดการด้านบัญชีและการเงินมาเป็น พนักงานแบบเต็มเวลา เมื่อเล่าแบบนี้คุณน่าจะพอเห็นภาพ
ดังนั้น ผมก็เลยทำตามสิ่งที่เพื่อนฝูงแนะนำ ด้วย การจ้างทีมหรือพนักงานแบบเต็มเวลาสำหรับการทำหน้าที่ต่างๆในบริษัท แล้วก็เพิ่มพนักงานขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาและงบประมาณของบริษัทในช่วงที่มีการลงทุนพัฒนาต่างๆในองค์กร เช่น นักพัฒนาระบบและเทคโนโลยี นักการตลาดที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง ทีมวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและผู้ใช้งานระบบ ทีมจัดงานอีเว้นท์ และ คนดูแลด้านประสบการณ์ของผู้ใช้และลูกค้า
ดังนั้น บริษัทของผมจึงมีผู้จัดการหลายคน พนักงานดูแลเรื่องการออกรายงานหลายคน พนักงานบัญชี และ ดูแลด้านการเงิน อีกหลายคน รวมแล้วได้มากถึง 9 แผนก
สิ่งเหล่านี้ มันถูกต้องแล้วหรือ? สำหรับบริษัทของผม ถ้าจะต้องตอบคำถามในตอนนี้ผมคิดว่า มันไม่สำคัญ และ ผมก็ไม่ควรทำแบบนั้นเลย
เหมือนกับอีกหลากหลายกรณีศึกษาและประสบการณ์ในชีวิตการทำงานของผม วันดีคืนดีผมเกิดตั้งคำถามกับตัวเองขึ้นมา แล้วย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องการสร้างทีมภายในเทียบกับการ จ้างบริษัท Agency ที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ เอ้าซอสงานออกไปเป็นแบบสัญญาจ้าง สิ่งนี้มันค่อนข้างจะมีความยากในการเปลี่ยนแปลงเมื่อคุณได้สร้างองค์กรขึ้นมาในอีกรูปแบบหนึ่งมานานแล้ว แต่มันง่ายอย่างน่าประหลาดใจเลยเมื่อคุณยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นก่อตั้งบริษัทขึ้นมา
ในหลายปีต่อมา สำหรับบริษัทแรกๆที่ผมก่อตั้ง หมายถึง หลังจากผมได้ออกจากตำแหน่งผู้บริหารแต่ก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับบริษัท รวมถึง เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นอีกด้วย เมื่อ เริ่มต้นใหม่ ผมพยายามที่จะโน้มน้าวให้ทีมผู้บริหาร ให้จ้างที่ปรึกษาหรือบริษัทจากภายนอก ถึง 4 ครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ
ครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อตอนที่มีการเริ่มต้นสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นในขณะที่ต้องมีการสร้างเนื้อหาทางการตลาด หรือ Content Marketing ครั้งที่ 3 เป็นเรื่องของการจ้างที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์เป็นที่ปรึกษาธุรกิจอิสระเพื่อเข้ามาช่วยในการวางตำแหน่งการการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ และ ครั้งที่ 4 เกิดขึ้นในขณะที่มีความพยายามในการสร้างลูกค้าในอุดมคติขึ้นมา เพื่อมองหากลุ่มคนเหล่านี้ในการเป็นผู้เริ่มต้นใช้ผลิตภัณฑ์ของพวกเรา
ท่ามกลาง การโน้มน้าวถึง 4 ครั้ง และ คำแนะนำต่างๆ ผมได้พบกับ ความลังเลสงสัยหรือบางครั้งถึงขนาด เกิดการต่อต้าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนั้นไม่มีเหตุผล การลองทำสิ่งใหม่ๆ มีความเสี่ยง สำหรับผู้จัดการที่เป็นพนักงานประจำในบริษัท ความมีประโยชน์ของการ จ้างที่ปรึกษาธุรกิจ / บริษัทเอเจนซี่ ต่างๆจะมาครอบงำจนกลายเป็นความเสี่ยงภัยคุกคาม หรือ แม้กระทั่งทำให้เกิดความรู้สึกสูญเสียโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพของพนักงานในบริษัทคุณ แต่ก็โชคไม่ดีนักหรอก สิ่งที่ดีสำหรับบริษัทอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับทุกคนเสมอไป
ผมต้องการที่จะระบุเฉพาะเจาะจงลงไปว่า ทำไมผมถึงมีความเชื่อว่า จะเป็นการดีกว่าถ้าคุณเริ่มต้นรับความช่วยเหลือจากคนนอก และ ทำไมพวกเราถึงสร้างบริษัทที่ชื่อ SprakToro เป็นบริษัทที่ จ้าง ที่ปรึกษาธุรกิจ / บริษัทเอเจนซี่ เป็นหลัก เรียกว่าเป็นบริษัทที่ทำงานอยู่บนฐานของการรับคำปรึกษาและจ้างคนนอก เราจ้างที่ปรึกษาธุรกิจ 5 ทีม รวมถึง บริษัทเอเจนซี่ 4 บริษัทในระยะเวลา 2 ปีแรกในช่วงก่อตั้ง
เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง การจ้างที่ปรึกษาธุรกิจ ที่เป็นคนนอก หรือ บริษัทเอเจนซี่กับการมีพนักงานประจำหลายๆคน
ในขณะที่เงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์บางอย่าง ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำให้เป็นไปได้กับทุกๆบริษัท หรือ ตอบโจทย์ความต้องการของทุกบริษัท ดังนั้น เราก็จะตั้งสมมติฐานเพื่อเปรียบเทียบแค่เฉพาะบาง Project หรือบางงานที่เหมาะสมในการ จ้างคนนอก จ้างที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ บริษัทจากภายนอก
สมมุติว่า ถ้าคุณต้องจ้างวิศวกรประจำดูแลด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เพื่อให้เข้ามาดูเรื่องระบบการออกแบบให้กับบริษัทรับพิมพ์ผลิตภัณฑ์แบบ 3 มิติของคุณ (สมมติว่าคุณเป็นบริษัทรับพิมพ์งานแบบ 3 มิติ : 3D Printer Company) การสร้างธุรกิจรูปแบบนี้ บริษัทเอเจนซี่หรือคนนอก ก็คงไม่เหมาะสม
แต่ ถ้าคุณเป็น บริษัทรับพิมพ์งานแบบ 3 มิติ ที่ต้องการผู้ช่วยในการดูแลเรื่องของ ระบบการจ่ายเงินเดือนพนักงาน หรือ การทำแคมเปญเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์องค์กร หรือ แม้กระทั่ง บริหารจัดการปัญหาเกี่ยวกับกฎหมาย รวมไปถึง การซื้อโฆษณาแบบออนไลน์ การจ้างที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ บริษัทภายนอก เป็นความคิดที่ดีทีเดียว
เงื่อนไขในการตัดสินใจ
เวลาของการสร้างผลลัพธ์ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อคุณต้อง จ้างบุคคลภายนอกไม่ว่าจะเป็น ที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ เอเจนซี่ ผลสัมฤิทธิ์ของการทำงานให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ของโครงการนี้ จะเริ่มต้นขึ้นในทันที การเสียเวลาเล็กๆน้อยๆในการทำความเข้าใจในธุรกิจของคุณ ปัญหาต่างๆ ความต้องการที่มีกับโครงการนี้ ส่วนใหญ่จะถูกทำให้จบสิ้นและชัดเจน ตั้งแต่คุยกันเบื้องต้นหรือช่วงที่กำลังคัดสรรทีมงานภายนอกหรือที่ปรึกษาธุรกิจจากนอกองค์กร ไปหมดแล้ว
ในทางกลับกัน เมื่อคุณจ้างพนักงานประจำทำงานเต็มเวลา มันจำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาระดับหนึ่งทีเดียว กว่าที่พนักงานคนนั้น จะสามารถสร้างผลลัพธ์ขึ้นมาแค่ครึ่งหนึ่งที่เขาจะสามารถให้ได้กับบริษัท ถ้าเป็นทีมเล็กๆ อย่างเร็วที่สุดมันอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในขณะที่ พอเป็นทีมที่ใหญ่ขึ้น หรือ เป็นโปรเจคที่มีรายละเอียดมาก มันอาจจะกินเวลาเป็นเดือนๆ หรือ มากกว่านั้น
ข้อคิดเห็น ทั้งสองกรณีสามารถมีการปรับปรุงและทำให้ระยะเวลาการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สั้นลงได้ทั้งคู่นั่นแหละ แต่โดยเหตุการณ์จริง ทั่วๆไป การจ้างที่ปรึกษาธุรกิจจากภายนอกองค์กร หรือ ทีมงานที่รู้งานอยู่แล้ว เริ่มต้นเร็วกว่าแน่นอน
ค่าใช้จ่ายโดยรวม
ตัวอย่างในกรณีนี้ คือ การจ้างที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ เอเจนซี่ อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง หลายบริษัทอาจจะคิดว่าคุ้ม ถ้าเทียบกันเชิงราคา เรื่องของค่าใช้จ่ายรายชั่วโมงการทำงาน (ระหว่างที่ผลลัพธ์ยังไม่เกิด) หรือ ขณะที่มีการอบรมให้กับพนักงาน รวมถึง ค่าใช้จ่ายจิปาถะที่มาพร้อมกับการจ้างพนักงานประจำ
ในทางกลับกัน เมื่องานเริ่มมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจง ผลลัพธ์ที่ถูกส่งมอบมาอย่างมีระบบให้กับนายจ้าง โดยบริษัทข้างนอกหรือ ที่ปรึกษาธุรกิจอิสระ มันยากที่คุณจะปฏิเสธได้ เพราะมันยอดเยี่ยม
พนักงานประจำมีอัตราการเปลี่ยนงานค่อนข้างสูง ถ้าคุณจ้างพนักงานระดับจูเนียร์ Junior หรือ นักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน แต่จบมาด้วยดีกรีค่อนข้างสูง คุณอาจจะจ้างได้ในราคาที่ถูกมากๆ ในด้านตรงข้าม การจ้างพนักงานที่มีประสบการณ์การทำงานและพรสวรรค์พร้อม อย่าง นักพัฒนาระบบ หรือ วิศวกรซอฟต์แวร์ หรือ แม้กระทั่ง นักการตลาดออนไลน์ ที่เป็นอันดับต้นๆ ในตลาด อาจจะมีราคาสูงกว่า จ้างบริษัทเอเจนซี่ ทั้งบริษัท ด้วยซ้ำ
ตัวอย่าง เช่น เร็วๆนี้ เราได้รับใบเสนอราคาจากเอเจนซี่บางราย ในเรื่องของการดูแลด้านกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ Content หรือ เนื้อหา และทำให้มีประสิทธิภาพด้วยราคาประมาณ 15,000 เหรียญต่อเดือน
(ในซีแอตเทิล การจ้างนักการตลาดทำคอนเทนต์ Content Marketer อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 140,000 เหรียญต่อปี รวมถึง 4,500 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นสวัสดิการและภาษี ยิ่งถ้าย้ายไปเมืองอย่างซานฟรานซิสโกหรือว่านิวยอร์กค่าใช้จ่ายพวกนี้ยิ่งมีแต่พุ่งขึ้น)
ข้อคิดเห็น อัตราการจ่ายเงิน ค่าจ้าง อาจจะอ้างอิงจากพื้นที่ที่อยู่ของบริษัท รวมถึงประสบการณ์การทำงาน ดังนั้น ทางเลือกของการจ้างที่ปรึกษานอกองค์กร หรือ บริษัทเอเจนซี่ ก็อาจจะพอๆกัน
ความยืดหยุ่นของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
การเลิกจ้างบริษัทเอเจนซี่ หรือ ที่ปรึกษาธุรกิจนอกองค์กร ไม่ใช่เรื่องสนุก แต่มันก็ง่ายกว่ามากในเชิงของความรู้สึก ถ้าไม่รวมเรื่องของค่าใช้จ่ายโดยตรง บ่อยครั้งในการ จ้างบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ บริษัทจากภายนอก จะนำมาซึ่งความนิยมของบริษัทของคุณด้วย
มากไปกว่านั้น ในเรื่องของราคา คุณยังสามารถต่อรองในรูปแบบของ ระยะเวลา การทำงานที่น้อยลง งานที่ง่ายขึ้น โปรเจคที่เล็กลง เหล่านี้ สามารถประหยัดงบประมาณให้คุณได้มาก เมื่อคุณต้องการผลลัพธ์ที่มากขึ้น คุณก็สามารถเพิ่มงบประมาณเข้าไปได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้าคุณเลือกที่จะจ้างพนักงานประจำ
การเลิกจ้างพนักงานประจำ หรือ มีพนักงานลาออก มันเป็นอีกโลกหนึ่งเลย ไม่ว่าคุณจะสามารถจัดการในเรื่องของการลาออกของพนักงานหรือการเลิกจ้างได้ดีแค่ไหน อย่างไรก็ตาม มันก็จะเกี่ยวเนื่องกับความรู้สึก อารมณ์ และ การมองเหตุการณ์นี้ในแง่ลบอย่างปฏิเสธไม่ได้ ธรรมชาติของการทำงานแบบเต็มเวลา จะเต็มไปด้วยความคาดหวัง ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ อย่างเช่น การเลิกจ้าง มันถึงถือเป็นเรื่องรุนแรงมากๆ การปลดพนักงานเป็นเรื่องแย่ และ มันไม่มีวิธีในการทำให้ความรู้สึกนั้นดีขึ้นหรือลดน้อยลงได้ง่ายๆ
ข้อคิดเห็น จ้างที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ บริษัทเอเจนซี่ ข้างนอกเถอะ
การมีเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกเข้ามาเกี่ยว
พูดแบบทั่วๆไป การจ้างที่ปรึกษาธุรกิจ หรือ บริษัทเอเจนซี่ ไม่ต้องลงทุนเรื่องของความรู้สึกมากเท่าไหร่ แม้ว่าคุณอาจจะอยากรักษาความสัมพันธ์อันดีไว้ อย่างไรก็ตามในการทำธุรกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ว่าจ้างกับคนรับจ้างจะมีความสัมพันธ์กันอย่างห่างๆเพราะมันพ่วงมากับรูปแบบของความเป็นมืออาชีพและตรงไปตรงมา
ในทางกลับกัน การบริหารคนให้ได้อย่างยอดเยี่ยม มันหมายถึงคุณต้องเอาความรู้สึกและอารมณ์ลงไปมีส่วนร่วมกับการทำงาน และนี่แหละ คือ ความยากของปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสนทนาหรือความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน มีหลายบริษัทและองค์กร รวมถึง ผู้จัดการหลายๆคนที่ไม่สนใจเรื่องของความรู้สึกอะไรๆเหล่านี้ แต่ที่เหลือที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ มันก็ถือเป็นเรื่องดีที่ควรทำ
ผมไม่ได้หมายความที่จะ ดูหมิ่นความพยายามเหล่านี้ ในทางกลับกันทั้งสองรูปแบบมีความสำคัญต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือเพิกเฉยที่ต้องนำเรื่องการลงทุนในอารมณ์ความรู้สึกมาคำนวณด้วย
ข้อคิดเห็น จ้างที่ปรึกษาธุรกิจหรือบริษัทเอ้าซอร์สข้างนอกเถอะ
คุณภาพของผลลัพธ์ที่มีการวางกลยุทธ์เรียบร้อยแล้ว
ในกรณีที่ คุณมีความต้องการหรือมีโปรเจคงานแบบสั้นๆ มีที่ปรึกษาธุรกิจฉลาดๆ มากมายที่เห็นปัญหาคล้ายๆกันนี้มาแล้วหรือแก้ไขปัญหาพวกนี้มาแล้วหลายสิบครั้งในทุกๆวัน พร้อมที่จะใช้ความสามารถในการปฏิบัติงานแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วอย่างมีแบบแผน มีกลยุทธ์ นั่นคือ เหตุผลว่า ทำไมพวกเขาถึงมี ราคา ค่าจ้าง หลายร้อยดอลลาร์ต่อชั่วโมง
ในระยะยาว การวางเป้าหมายในเรื่องของการจ้างพนักงาน เพื่อสร้างประสบการณ์การทำงานเป็นทีมและกลุ่มคนที่มีความสามารถเชิงลึกที่ถือครองความรู้ในธุรกิจของคุณ อาจจะทำให้ขาดประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงในปัญหารูปแบบใหม่ๆที่อาจเกิดขึ้น
ข้อคิดเห็น ในหัวข้อนี้ การเฉพาะเจาะจงของปัญหาของแต่ละบริษัท อาจจะให้คะแนนเป็น 50/50 ในการเลือกจ้าง ในโลกแห่งความเป็นจริง คุณอาจจะใช้ทั้ง 2 รูปแบบ ด้วยการมีบุคคลากรภายในองค์กรที่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจเชิงลึก ผสมผสาน ไปกับเอเจนซี่หรือที่ปรึกษาภายนอกที่มีมุมมองและประสบการณ์ในตลาดปัจจุบัน
คุณภาพของผลลัพธ์ที่มีเทคนิคต่างๆ
โดยปกติแล้ว ที่ปรึกษาธุรกิจนอกองค์กร หรือ บริษัทเอเจนซี่ จะมีผลลัพธ์ในด้านการทำงานให้เห็นอย่างรวดเร็ว เมื่อเป็นงานเกี่ยวกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า หรือการรักษาผลงานไว้ให้ได้ในระดับที่คุณต้องการไปเรื่อยๆ
พนักงานประจำจะมีธรรมชาติของการเริ่มต้นอย่างช้าๆ แต่พอเมื่อพวกเขาเริ่มมีโมเมนตัมในการทำงานเกิดขึ้น อาจจะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่โดดเด่นกว่าการจ้างคนนอกด้วยซ้ำ เนื่องมาจากพวกเขาไม่ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานไปมา (เหมือนกับบริษัทเอเจนซี่หรือที่ปรึกษาธุรกิจ) เพราะพวกเขาทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ต้องทำงานนั้นทีนี้ที หรือ รับโปรเจคสั้นๆ
ข้อคิดเห็น ขึ้นอยู่กับความต้องการ ถ้าคุณต้องการผลลัพธ์ในเชิงเทคนิคที่มีประสิทธิภาพก็เลือกจ้างที่ปรึกษาธุรกิจหรือเอเจนซี่ภายนอก แต่ถ้าคุณต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว หวังผลอย่างต่อเนื่องเมื่อธุรกิจเติบโต ก็เลือกลงทุนในการจ้างพนักงานเถอะ
การทดแทนการลงทุนเวลาและความพยายาม
การเปลี่ยนบริษัทเอเจนซี่ไปๆมาๆหลายๆบริษัทเป็นความท้าทาย แต่ในบางครั้ง การทำงานของธุรกิจ การจ้างที่ปรึกษาธุรกิจหรือเอเจนซี่จะทำให้เริ่มต้นได้ง่าย เรียนรู้ตลาดได้เร็วโดยทั่วไปอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ของการเริ่มงาน
การเลิกจ้างและการจ้างพนักงานเข้ามาใหม่ ให้มาเป็นพนักงานประจำ เป็นคนละโลกกันเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถสร้างปัญหาได้มากสำหรับธุรกิจ มีสถิติให้ได้เห็นและค่อนข้างน่ากลัว คือ อัตราการเปลี่ยนพนักงาน ส่งผลกับการเพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงอัตราเงินเดือนของพนักงานในตำแหน่งนั้น สูงถึง 100 ถึง 300 เปอร์เซ็นต์ และ กว่าที่พนักงานใหม่จะสามารถทำงานให้ได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับผู้ที่ออกไป หรือ ผู้ที่ถูกเลิกจ้างอาจต้องใช้เวลามากถึง 8 เดือนโดยเฉลี่ย
ข้อคิดเห็น จ้างที่ปรึกษาธุรกิจหรือบริษัทข้างนอกเถอะ ไม่ต้องคิดเลยข้อนี้
วิธีการจ่ายสำหรับผลลัพธ์ที่ได้ กับ การจ่ายให้กับเวลาการทำงาน
บริษัทเอเจนซี่หรือที่ปรึกษาธุรกิจมีแนวโน้มที่จะส่งมอบผลงานของโครงการ Project ตามที่คุณบอก หรือ ตามที่คุณต้องการ พวกเขาอาจจะพลาดบ้าง ในเรื่องของ วันที่ส่งมอบ หรือ อาจจะมีความผิดเพี้ยนไปในเรื่องของความต้องการที่คุณกำหนดไว้บ้าง แต่ปัญหาเหล่านี้ คุณก็สามารถเปลี่ยนเจ้าหรือเลือกบริษัทอื่นได้ง่ายๆ รูปแบบนี้ก็เป็นที่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ค่าใช้จ่ายแลกกับผลลัพธ์ที่ส่งมอบ นั่นเอง
ในกรณีของการจ้างพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งงานที่มีความซับซ้อน มันไม่สามารถใช้รูปแบบเดียวกันนี้ได้ (อาจจะมีพนักงานประจำบางคนในบางบริษัทเท่านั้น) แต่ในประสบการณ์มากกว่า 20 ปีของผม ได้เจอไม่ถึง 5 คนด้วยซ้ำที่รับค่าจ้างตามความสามารถในการส่งมอบได้เหมือนกับที่จ้างบริษัทเอเจนซี
นั่นไม่ใช่เพราะว่า พนักงานประจำขี้เกียจหรือพวกเขาทำงานได้ไม่ดี อย่างตัวผมเองก็มีบ่อยครั้งที่ต้องการให้งานเป็นดั่งใจ และ บอกกับทีมไว้แบบนั้น แต่สุดท้ายแล้ว ตัวผมเองก็พลาดไปเหมือนกัน ในเรื่องของวันกำหนดส่ง หรือ แม้กระทั่งรูปแบบที่ต้องการที่กำหนดไว้ตอนต้น
เหตุผลมีตั้งแต่ด้านดี คือ พอทำงานไปเรื่อยๆก็เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ไม่ถูกต้องก็เลยปรับเปลี่ยน
ไปถึง เหตุผลด้านแย่ๆ คือ คิดได้ว่าสามารถส่งงานพวกนี้ช้าไปอีกสัก 4-5 วันก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาอะไร หรือ
เหตุผลแบบกลางๆ คือ มีโปรเจคที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องทำก่อน
ข้อคิดเห็น หัวข้อนี้ค่อนข้างที่จะมีความซับซ้อน ถ้าคุณสามารถกำหนดความเฉพาะเจาะจงของงานได้ การจ้างที่ปรึกษาธุรกิจที่สามารถส่งมอบผลลัพธ์ได้ตามเวลาที่กำหนดและงบประมาณที่ตั้งเป้าไว้ย่อมดีกว่าการจ้างพนักงานประจำ
ไม่ว่า ข้อดีหรือข้อเสีย หลายคนอาจคิดว่ามันพอๆกัน บางคนก็อาจจะไม่เห็นด้วย อันนี้ผมค่อนข้างจะโอเคเพราะมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ในองค์กรที่แตกต่างกัน การมีผู้นำที่แตกต่างกัน ธุรกิจมีความแข็งแกร่งและมีจุดด้อยแตกต่างกัน ความคิดเห็นในบทความนี้ อาจจะเกิดขึ้นเพราะว่า ผมอาจไม่เก่งในเรื่องของการสัมภาษณ์พนักงานหรือการจ้างพนักงานใหม่ๆ แต่ ดันเก่งเรื่องการเจรจาหรือประสานงานกับเอเจนซี่หรือที่ปรึกษาธุรกิจ ถ้าบริษัทหรือธุรกิจของคุณเป็นแบบตรงกันข้ามกับเนื้อหาในบทความนี้ คุณก็ควรจะตัดสินใจไปในอีกรูปแบบหนึ่ง
ข้อเสียของ การจ้างเอเจนซี่ หรือ ที่ปรึกษาธุรกิจภายนอก
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของการจ้างคนนอก บ่อยครั้งจะเกิดขึ้นในเรื่องของ ระบบการเมืองภายในหรือความเชื่อ หรือรวมไปถึงความรู้สึกและอารมณ์ของทีมงานและพนักงานของคุณ
ผมเคยพูดคุยในหัวข้อนี้ในทวิตเตอร์กับคนหลายคน กลุ่มคนที่ไม่ชอบจ้างคนนอกจะให้ความเห็นว่าไม่ควรลงทุนกับการจ้างคนนอกเท่ากับการดูแลพนักงานในบริษัท แต่จากประสบการณ์ของผมกลับตรงกันข้าม เพราะการจ้างคนภายนอกพวกเขามักมีความพยายามและต้องการที่จะส่งมอบผลลัพธ์ ตามที่เขาได้สัญญาไว้ เพื่อพยายามทำให้นายจ้างมีความสุขและเมื่อเป็นแบบนั้นพนักงานภายในก็จะรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย
อย่างไรก็แล้วแต่เราก็ควรทำความเข้าใจในภาพรวมด้วย ว่า เมื่อเรามองข้ามความรู้สึกของเจ้าของบริษัทผู้ก่อตั้งหรือ CEO ไป แล้วให้ความสำคัญกับพนักงานหรือทีมงานที่มีอยู่ ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกับการจ้างคนภายนอกเข้ามาเป็นที่ปรึกษา
สมมุติว่า คุณเป็นผู้จัดการหัวหน้าทีมวิศวกรที่เป็นพนักงานประจำ แล้วประธานบริษัทบอกกับคุณว่า “คุณน่าจะพิจารณาในการจ้างนักพัฒนาโปรแกรมจากข้างนอกเพื่อมาดูแลโปรเจคใหม่นี้นะ”
คุณอาจจะมีหลายสาเหตุให้ต้องกังวล ว่า
บริษัทกำลังจะลดคนหรือเปล่า?
แล้วโอกาสการเลื่อนขั้นของคนในทีม รวมถึง ตัวคุณจะเป็นอย่างไร?
คุณอาจจะต้องทำให้ตัวเองและทีมมีความรู้สึกปลอดภัยจากความสามารถที่มีและคุณค่าของตัวคุณเองต่อองค์กร แล้วตอบกลับไปยังประธานบริษัท ว่า
“แน่นอนครับท่านประธานมันเป็นไอเดียที่ดี มาลุยกันเลยครับ”
ทำไมต้องไปคิดถึงแต่ด้านลบๆล่ะ
โปรเจคนี้อาจจะไปได้สวย และ …
ความสามารถในการจ้างวิศวกรมาเป็นพนักงานประจำของคุณเบาลง หมายความว่า คุณจะมีทีมที่ไม่ใหญ่มาก คนในทีมสามารถเติบโตในสายอาชีพนี้ได้อย่างรวดเร็วขึ้น ไปได้ไกลขึ้น (อันนี้เกี่ยวเนื่องกับขนาดของทีม บ่อยครั้งมันมักจะมาพร้อมกับเรื่องของความรับผิดชอบ ประสบการณ์ และ ค่าใช้จ่าย)
วิศวกรในทีมของคุณที่เคยรู้สึกว่า พวกเขาถูกบดบังและลดระดับให้เป็นเพียงคนดูแลรักษาระบบหรือฝ่ายสนับสนุน Support จะรู้สึกมีสถานะสูงขึ้น เหมือนเป็นทีมทำงานวิจัยและพัฒนา R&D
ในกรณีสุดโต่ง คือ ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทการจ้างเหมือนกับการเอ้าซอร์ส หรือ โยนเอาเรื่องของความเป็นผู้นำ ไปให้ บริษัทเอเจนซี่ หรือ ที่ปรึกษาธุรกิจ จากภายนอกจัดการแทนได้เลย จากนั้น คุณก็ไม่ต้องเข้ามาทำงาน ใช้เวลาให้มีความสุขกับชีวิตด้านอื่นๆได้อย่างง่ายดาย หรือ แม้กระทั่งไปเปิดบริษัทใหม่เลยก็ยังได้
โปรเจคนี้อาจจะเหลวเปว และ …
คุณและทีมงานของคุณอาจจะต้องมานั่งเก็บกวาดสิ่งที่คนอื่นทำเละไว้
งบประมาณที่สูญเสียไป มันไม่ได้เกี่ยวข้องไปถึงการที่ทีมของคุณจะไม่โต หรือ ไม่ได้ซื้อเครื่องมือเครื่องไม้ใหม่ๆ หรือ รวมไปถึง การเพิ่มเงินเดือนให้พนักงาน
ความเชื่อมั่นในการให้โครงการ Project กับคนนอกไปทำแล้วล้มเหลว อาจจะส่งผลต่อความสามารถที่คุณจะได้รับอนุมัติให้ จ้างบริษัทข้างนอก เข้ามาดูแลโปรเจคอื่นๆอีกในอนาคต เสียเวลาในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ทีมของคุณอาจจะรู้สึกสูญเสียความเชื่อมั่น หรือ ความมีคุณค่าในตัวของพวกเขาต่อองค์กร คุณอาจจะต้องบริหารจัดการความรู้สึกเหล่านี้ให้ได้
โปรเจคนี้ดูเหมือนว่าจะไปได้สวย แต่ แล้ว …
บริษัทเอเจนซี่ หรือ ที่ปรึกษาธุรกิจ อาจจะไม่ได้มีเอกสารที่ดีเพียงพอ การสรุปบทวิเคราะห์ต่างๆ คุณจะต้องตามเก็บงานพวกนี้เอง
งานที่ถูกเริ่มต้นขึ้นมา เป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้ว เอเจนซี่กลับไม่ได้ทำงานสนับสนุน Support ต่อ จึงทำให้ทีมของคุณถูกทิ้งให้จัดการและบริหารระบบที่พวกเขาไม่ได้สร้างมันขึ้นมา
อาจจะ หลายสัปดาห์ หรือ หลายเดือน หลังจากที่จบสัญญาจ้าง เมื่อมีงานเพิ่มเติมที่ต้องการให้ช่วยดูแลต่อ ต่อเนื่อง เป็นไปได้ว่า เอเจนซี่หรือที่ปรึกษาธุรกิจ อาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้น จนคุณไม่สามารถจ้างเขาต่อได้
แม้ว่าปัญหาเหล่านี้ อาจจะดูเหมือนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะทีมพัฒนาหรือวิศวกร แต่จริงๆแล้ว มันเกิดขึ้นกับทุกๆแผนก ไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายการตลาด การเงิน ฝ่ายออกแบบ และ อื่นๆ
แล้วเราควรจะมีทางออกอย่างไรสำหรับปัญหายุ่งยากเหล่านี้
วิธีที่ดีที่สุดในการเลือกทั้ง 2 แบบ
ผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้ ในการกำจัดจุดอ่อนที่มาพร้อมกับการจ้างที่ปรึกษาธุรกิจหรือเอเจนซี่ แต่อย่างไรก็ตาม มันจำเป็นจะต้องใช้ความตั้งใจและมีกลยุทธ์ในการคาดการณ์ล่วงหน้าเพื่อลงทุนในกระบวนการเหล่านี้
ก็อีกนั่นแหละ มันเหมือนกับการทำงานแบบอื่น ในโลกธุรกิจที่จำเป็นจะต้องขยายตัวหรือเติบโตกิจการให้มากขึ้น มันมีความซับซ้อนในเรื่องของระบบ รวมไปถึง เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ และ แรงกระตุ้นของแต่ละบุคคลในการทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงไป ผมจึงคิดว่า มันเป็นไปได้ แม้ว่าจะเป็นบริษัทกำลังต้องการเติบโตอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบริษัทที่เริ่มที่จะเติบโตใหม่ๆหรือก่อตั้งใหม่ๆก็จะทำได้ง่ายกว่ามากๆ
ถ้าคุณต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพนักงานประจำหรือทีมภายในของคุณให้ได้อย่างต่อเนื่อง และ จ้างเอเจนซี่ภายนอกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง รวมไปถึง การจ่ายเงินตามคุณภาพหรือมาตรฐานที่คุณได้รับ คุณต้องทำสิ่งเหล่านี้
1. จ้างเอเจนซี่ตั้งแต่เนิ่นๆและบ่อยๆ
ถ้าทีมงานของคุณ คุ้นเคยกับการจ้างคนภายนอกหรือทำงานแบบสัญญาจ้างกับเอเจนซี่ หรือ ที่ปรึกษาธุรกิจ มันก็จะทำให้ปัญหาเรื่องดราม่าหรือปัญหาที่เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึก (ปัญหาเรื่องความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของโปรเจค หรือ ปัญหาศักยภาพและความสามารถที่อิจฉากัน) จางหายไป
2. งานจ้างเป็นแบบสัญญาชั่วคราว งานที่ต้องใช้การดูแลรักษาแบบต่อเนื่องน้อยๆหรือไม่ต้องการเลย เหมาะที่สุด
งานจำพวกการสร้างคอนเทนต์ Content การทำอันดับบนกูเกิ้ล Google หรือ SEO การประชาสัมพันธ์ในช่องทางดิจิทัล การติดตั้งระบบอีเมล Email ภายใน และ อื่นๆที่สามารถเปิดบิลค่าใช้จ่ายเป็นแบบครั้งคราวได้ งานพวกนี้เหมาะเลยที่จะจ้าง หรือ จะเป็นงานแบบครั้งเดียวจบ เช่น การซื้อข้อมูล การทำการวิจัยตลาด การอบรม ก็เหมาะสมเช่นเดียวกัน
3. ทำสัญญาจ้างสำหรับงานที่สามารถเปลี่ยนเจ้าหรือเปลี่ยนผู้ถูกจ้างได้ง่ายๆ
ข้อนี้เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมมาจากเรื่องอื่นๆ ในการลงทุน เช่น การสร้างแบรนด์ การโฆษณาในช่องทางออนไลน์ บัญชี ภาษี หรือ การบริหารเว็บไซต์ และ อีกหลากหลายงาน ที่สามารถทำได้ด้วยบริษัทเอเจนซี่หรือที่ปรึกษาธุรกิจทั่วๆไป สามารถเปลี่ยนเจ้าไปได้เรื่อยๆขึ้นอยู่กับราคาที่เหมาะสม
4. เมื่อเป็นงานที่ต้องมีความต่อเนื่อง ควรให้พนักงานประจำเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
สำหรับงานในเชิงลึก ในพวกที่จำเป็นจะต้องมีการลงรายละเอียดและให้ความสำคัญ อย่างเช่น งานด้านวิศวกรรมและการตลาดภาพรวม จำเป็นต้องมีบุคลากรในองค์กรทั่วๆไป ที่สามารถทำงานแบบสลับไปมาได้ และ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหล่านี้ควรมีทีมภายในหรือพนักงานประจำในการร่วมงาน เช่น พนักงานฝ่ายขาย ฝ่ายบริการลูกค้า ทีมสร้างสรรค์เนื้อหา Content หรือ ตำแหน่งด้านผู้จัดการบริหารในหน้าที่ต่างๆ
5. พึงระลึกไว้เสมอว่า คุณสามารถ เปลี่ยน เอเจนซี่หรือที่ปรึกษาธุรกิจ ได้ตลอดเวลาถ้าคุณรู้สึกว่าผิดหวัง
ถ้าคุณทำแบบนี้บ่อยๆ อาจจะต้องกลับมามองตัวเอง และ ตั้งเหตุผล หรือ เงื่อนไขการส่งมอบ รวมถึง มีความอดทนเพิ่มขึ้น และ ตัดสินผลงานตามเนื้องานจริงๆ เรื่องของคุณภาพและประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
6. ตั้งเป้าวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้เรื่องของการเลิกจ้างหรือไล่พนักงานประจำออกไม่ใช่เรื่องแปลกหรือไม่ใช่ความล้มเหลว
ผมได้มีการพูดคุยกับบุคคลหลากหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้มีการร่วมประชุมพูดคุยในหัวข้อเหล่านี้บ่อยครั้ง เป็นเรื่องของ การที่คิดว่า เราควร จ้างที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับงานนี้ดีหรือเรามีคนเพียงพอที่จะทำงานเหล่านี้ อย่าทำให้สิ่งเหล่านี้ กลายเป็นเรื่องที่คุณต้องกลัวหรือคนที่ร่วมงานกับคุณก็กลัวเช่นเดียวกัน แนะนำให้อ่านหนังสือ No Hard Feelings ของ Liz Fosslien และ Mollie West Duffy
จากทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานี้ ถ้าคุณลงมือปฏิบัติจริง บริษัทของคุณสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยค่าใช้จ่ายที่มีรูปแบบและน้อยกว่าที่คุณทำมันด้วยตัวเองทั้งหมด
เป้าหมายของ บริษัท SparkToros ของผม มาแตะที่ความสามารถในการทำกำไรได้อย่างรวดเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อวางแผนเชิงปฏิบัติในรูปแบบที่เหมาะกับการเติบโตที่ได้เล่าไปนี้ พวกเราไม่มีผู้มาลงทุนให้ รวมถึง มีงบประมาณจำกัด แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เราก็มีเงินทุนเพียงพอที่จะลงทุนในการเริ่มต้นจ้างที่ปรึกษาธุรกิจหรือเอเจนซี่ ที่มีความชำนาญและสามารถทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ดังนั้น เราจึงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยที่ใช้ค่าใช้จ่ายแบบคงที่ และ มีผลิตผลและผลงานที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึง เรื่องดราม่า Drama ความรู้สึกทางอารมณ์และการบริหารจัดการคนก็น้อยลงด้วย เราใช้บริการบริษัทหลากหลาย เช่น ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ บริษัทรับทำ seo วิทยากรการตลาดออนไลน์
เหล่านี้ คือ ผู้เชี่ยวชาญที่พวกเราต้องการ เมื่อเราต้องการพวกเขา เขาก็สามารถนำเสนอและส่งมอบผลลัพธ์ที่เหมาะสมสำหรับค่าใช้จ่ายที่เราลงทุนไป มากกว่าการจ้างพนักงานประจำมาทำงานอย่างต่อเนื่อง 6 เดือนด้วยซ้ำ
ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการ จ้างที่ปรึกษาธุรกิจ และ บริษัทจากข้างนอก
ผมได้มีการโยนคำถามเหล่านี้ลงไปในทวิตเตอร์ Twitter เพื่อสอบถามถึงประสบการณ์ของพวกเขาที่มีความรู้สึกขัดแย้งหรือปฏิเสธเรื่องราวในหัวข้อนี้ แล้วก็ได้มีการตอบสนองและตอบกลับมาในประเด็นนี้ ที่ผมยังไม่ได้เล่าให้ฟัง มันคงไม่ยุติธรรม ถ้าไม่เอาความเห็นให้คุณได้รู้ในอีกมุมมองหนึ่ง จะได้เห็นภาพทั้งสองด้าน
พวกเราต้องการคนที่จะอยู่ไปกับเราไปนานๆ อีกอย่างหนึ่ง เรารู้สึกแปลกๆที่จะต้องมาแบ่งพิซซ่าออกเป็นชิ้นๆให้กับคนในครอบครัวในรูปแบบของการจ้างแบบชั่วคราว
แต่เราก็คิดว่ามันจะอาจเปลี่ยนแปลงไปได้เมื่อเราเป็นบริษัทที่ใหญ่ขึ้น แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ฉันอยากทำแบบนี้ไปให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ผมชอบการตอบรับของ Sara Hum เพราะว่าเขามีปรัชญาในการทำงาน รวมถึ งวิธีการนำเสนอที่ชัดเจน ปะทะ กับเรื่องของการวัดผลความเชี่ยวชาญที่เข้มงวด ประสิทธิผลและด้านการเงิน นี่คือ อิสรภาพของผู้ประกอบการที่ให้ความคิดเห็นตอบรับในเรื่องนี้ ความสามารถในการเลือกเส้นทางในการเติบโตของธุรกิจ เป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างขึ้นได้เอง
ถ้าเราต้องการให้มันแตกต่างและไม่จำเป็นต้องทำให้สุดยอดเหมือนคนอื่น มียอดขายและเงินทุนกองโต ดังนั้น ถ้าคุณเลือกแล้วแต่ดันไม่ชอบที่จะจ้างที่ปรึกษาธุรกิจจากข้างนอกหรือบริษัทเอเจนซี่ มันก็เดาได้ไม่ยากเพราะว่าคุณก็จะรู้สึกว่า ทำงานไม่ถนัดและอาจส่งผลให้พวกคุณทำงานได้ไม่ดี
ถ้าคุณรักที่จะสร้างทีมขึ้นมา รวมถึงทำงานไปกับพวกเขาอย่างต่อเนื่องเพราะพวกคุณชอบบรรยากาศการทำงานร่วมกัน การสื่อสารกับคนคุ้นเคย การสร้างทีมที่มีพนักงานประจำก็เป็นสิ่งที่คุณสมควรทำอย่างยิ่ง
สำหรับงานที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับการส่งมอบบริการให้กับลูกค้า ฉันมักจะจ้างบริษัทภายนอก เพราะว่าฉันไม่คิดว่าฉันสามารถส่งมอบบริการที่มีความซับซ้อนและคุณภาพสูงได้เท่ากับบริษัทที่เขาเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
เช่น การอบรม เพราะมันเป็นงานที่ต้องลงทุนทั้งเวลา ทั้งบุคลากร ดังนั้นฉันชอบที่จะโฟกัสไปกับการสร้างทีมภายในและต้องการพัฒนาให้ทีมงานเติบโตในด้านอาชีพของพวกเขามากกว่า
Amy Woods ชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจน การสร้างคนเพื่อมาเติมเต็มบางอย่างที่เป็นแกนหลักของธุรกิจ เช่น ตัวผลิตภัณฑ์ ในความสามารถที่มีความซับซ้อน และ ต้องการความเป็นคงทนถาวร แบบนี้การมีพนักงานประจำน่าจะดีที่สุด
ที่ปรึกษาธุรกิจหรือบริษัทเอเจนซี่คงจะไม่ทำงานแบบนั้นได้ดีเท่าคุณ และ ผมหวังว่าเนื้อหาในนี้จะไม่ทำให้คุณตัดสินใจไปอีกด้านหนึ่ง เพราะในขณะที่ผมบอกว่าคุณควรจ้างโดยปราศจากเงื่อนไข ผมไม่ได้ต้องการให้คุณยึดติดจนเกินไปขนาดนั้น เลือกที่เหมาะสมกับตัวเองจะดีกว่า
ผมเลือกที่จะจ้างตามที่คุณบอก เพราะมันทำให้ผมสามารถมีคนเก่งๆอยู่รอบๆ ก็บอกผมว่าสิ่งไหนควรทำ ด้วยวิธีการแบบนี้ ผมสามารถโฟกัสในงานของผมและทำให้พนักงานรู้สึกมีความเป็นเจ้าของกับธุรกิจ
รวมถึง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมาตรฐานการสร้างความเติบโตและความคิดสร้างสรรค์ได้มากมาย อีกทั้ง การสื่อสาร ก็ทำได้ง่ายขึ้นและต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลากับพนักงานและทีมของผม
ทีมงานของผมยังสามารถเข้าใจเชิงลึกในธุรกิจ กลุ่มลูกค้าหลัก และ ตลาด ได้มากขึ้นอีกด้วย ผมพบว่า การให้ความรู้อย่างต่อเนื่องกับทีมงาน การจ้างเอเจนซี่ประหยัดเวลาไปได้เยอะ
Christian Bannister พูดถึงประเด็นที่เกี่ยวกับ ถ้ามีการสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่มีความต้องการอย่างมากภายในบริษัท ลักษณะแบบนี้เป็นจริงกับบริษัททั้งด้านการส่งมอบและความพยายามในการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ลักษณะนี้ มีคนทำงานอยู่ภายในอาจจะทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่ปรึกษาธุรกิจจากภายนอก
กลับกัน การศึกษาเชิงลึกและความรู้ต่างๆเกี่ยวกับตลาดภาพรวม รวมถึง พฤติกรรมของลูกค้าสำคัญมาก จำเป็นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การทำงานในด้านนี้ ซึ่งพนักงานประจำหรือทีมภายในอาจจะมีกรอบหรือมีความสามารถและความรู้ได้ไม่เท่า คนที่เห็นภาพกว้างกว่าอาจจะทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ๆได้มากกว่า ดังนั้น คนในอาจจะติดปัญหาแบบนี้
วัฒนธรรมองค์กรที่นิยมในยุคของการที่ใครๆก็อยากเป็นผู้ประกอบการ อยากเป็นเจ้าของธุรกิจที่เจริญเติบโตและประสบความสำเร็จ ผู้คนมากมายเหล่านี้ บางทีก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะมาขัดแย้งหรือปฏิเสธ
การจ้างที่ปรึกษาธุรกิจและบริษัทจากภายนอก ดังนั้นผมหวังว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จากประสบการณ์และมุมมองของผม ผมใช้งานที่ปรึกษาธุรกิจและ เอเจนซี่ หลายสิบโหล รวมถึง สามารถแนะนำบริษัทรับจ้างหรือที่ปรึกษาธุรกิจได้นับร้อยแห่งที่สามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับธุรกิจคุณ
อย่ามองข้ามความช่วยเหลือจากคนนอกเพียงเพราะไปอ่านเจอในหนังสือหรือคอมเม้นต์ comment ด้านลบต่างๆในโลกอินเตอร์เน็ต
ทั้งหมดนี้เป็นบทความอ้างอิงจากมุมมองของ Rand Fishkin นักการตลาดออนไลน์และเจ้าของธุรกิจดังอย่าง Moz ในชื่อบทความ Why You Should Hire Agencies & Consultants (for everything you can) ในเว็บไซต์ Spraktoro
โดยคุณสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อ ” ทำไมคุณควร จ้าง ที่ปรึกษาธุรกิจ / เอเจนซี่ ด้วยทั้งหมดที่มี ” ด้วยการแสดงความคิดเห็นด้านล่างนี้ หรือ ทักไลน์มาคุยกันได้ที่ @brandingchamp
ยาวไป
ให้หมดใจเลยคร้าาาา
ขอบคุณครับ
เกลี้ยงเลยคร่าาา
ใช่ครับ 😉
…
…