AI Marketing คือ อะไร? สำคัญแค่ไหนต่อการทำการตลาดยุคดิจิทัล? [ วิธีใช้ ]
AI Marketing คือ อะไร? สำคัญแค่ไหนต่อการทำการตลาดยุคดิจิทัล? [ วิธีใช้ ]
AI Marketing
AI Marketing คือ เทคโนโลยีที่กำลังมาแรง และ มักถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในโลกของการตลาดยุคดิจิทัล เพราะมันได้เข้ามาปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงวงการ ไปอย่างสิ้นเชิง แทบจะกล่าวได้ว่า ตอนนี้ AI ได้กลายเป็นเรื่องที่ทุกธุรกิจให้ความสนใจ นอกจากนั้น ก็เริ่มนำมาปรับใช้เพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดกันแล้ว จากสถิติพบว่า มีธุรกิจถึง 68% ที่ใช้ AI เข้ามาช่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 2 ปีก่อนถึง 10%
แต่สำหรับหลายๆ คน การที่จะเอา AI มาประยุกต์ใช้กับงานด้านการตลาด อาจจะยังดูเป็นเรื่องไกลตัว โดยมองว่าการแค่ทำกิจกรรมทางการตลาดแบบเดิมๆ จัดแคมเปญดีๆ โปรโมชันเด็ดๆ ก็น่าจะพอ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีล้ำยุคขนาดนั้น และยังกลัวว่า มันจะมีค่าใช้จ่ายสูงมากตามไปด้วย ก็เลยรู้สึกว่าไม่คุ้มถ้าจะต้องนำ AI มาใช้ในงาน Marketing
แต่จริงๆแล้ว การทำการตลาดในปัจจุบัน ไม่ได้มีแค่การติดป้ายโฆษณา การแปะประกาศตามสถานที่ต่างๆ เท่านั้น มันต้องขยายวงกว้างไปในทุกช่องทาง ทุกๆที่ที่ลูกค้าเข้าถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน โลกออนไลน์ ซึ่งต้องยอมรับว่าเจ้า AI นี่แหละ ที่มีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ในการจัดการเรื่องพวกนี้ ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูล การนำข้อมูลวิเคราะห์ และ นำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในแง่มุมต่างๆ ได้อย่างเหนือชั้น
AI Marketing คือ การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่าง AI และ Machine Learning มาช่วยในการจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลของลูกค้า ทั้งในเรื่องของการรวบรวม ประมวลผล วิเคราะห์ และ นำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการวางแผนกลยุทธ์และทำกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารและเข้าถึงลูกค้าแต่ละคนได้อย่างเฉียบคม ตรงใจ เข้าใจความต้องการ และตอบสนองได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ แถมยังสามารถทำได้แบบอัตโนมัติอีกต่างหาก เรียกได้ว่า เป็นการยกระดับงานการตลาดให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น
โดยส่วนใหญ่แล้ว AI Marketing มักจะเกี่ยวข้องกับ การตลาดเชิงข้อมูล (Data-Driven Marketing) ที่เน้นการเก็บข้อมูลต่างๆ ของลูกค้า ตั้งแต่ข้อมูลส่วนตัว พฤติกรรมการใช้งาน ความสนใจ และอื่นๆ แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจและ ทำนายความต้องการของลูกค้าได้ล่วงหน้า เพื่อที่จะสามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ ทั้งยังช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ ส่งผลทำให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเพิ่มยอดขายและสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน
AI Marketing ยังครอบคลุมไปถึง การทำ Personalized Marketing หรือ การทำการตลาดแบบเจาะจงรายบุคคล ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงมากๆ ในยุคนี้ ซึ่งมัน คือ การนำข้อมูลของลูกค้ามาใช้ในการปรับแต่งการสื่อสาร ข้อความ เนื้อหา หรือ ข้อเสนอให้ตรงใจและเหมาะกับลูกค้าแต่ละคนให้ได้มากที่สุด ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจและใส่ใจพวกเขาเป็นพิเศษ
อีกอย่าง ข้อดีของ AI คือ ความสามารถในการทำงานได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องพักต้องผ่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่มีทางเทียบได้ มันจึงเป็นผู้ช่วยที่สามารถวางใจได้ในการจัดการเรื่องการบริการลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม แก้ปัญหา หรือ แนะนำข้อมูลต่างๆ ได้แบบไม่มีวันหยุด ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและได้รับการดูแลได้ทุกที่ทุกเวลา ตอนเจ็ดวันยี่สิบสี่ชั่วโมง ช่วยสร้างความประทับใจ และ สร้างความผูกพันที่ดีต่อแบรนด์ไปด้วยในตัว
นอกจากนี้ ในมุมมองของลูกค้า พวกเขาจะได้รับข้อมูล ข่าวสาร หรือข้อเสนอที่ตรงใจ โดนใจ และ สอดคล้องกับความสนใจของตนเองมากที่สุด โดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหาเองให้ยุ่งยาก ต่างจากการทำการตลาดแบบเดิม ที่ ยิงแอด ยิงข้อมูลไป แบบเหมารวม ไม่ได้มีการปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
ตัวอย่างการนำ AI มาใช้ในการตลาด
ที่เห็นชัดที่สุด คือ การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย อย่าง facebook ที่เวลาเราเลื่อนดูฟีด เราก็จะเห็นแต่โพสต์ที่ตรงกับความสนใจของเรา หรือ มาจากเพจที่เราชอบ ซึ่งนั่นก็เป็นฝีมือของ AI ที่คอยเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของเรา และ เลือกคอนเทนต์ที่คาดว่าจะเข้ากับเรามากที่สุดมาโชว์ก่อนนั่นเอง รวมถึง เลือกโฆษณาที่เหมาะกับเราขึ้นมาแสดงด้วย
ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนา เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ผมเองก็เพิ่งมีประสบการณ์กับการถูก AI วิเคราะห์ตัวตนเลยครับ คือ กำลังเตรียมเนื้อหาเพื่อไปเป็นวิทยากรบรรยายให้กับ ที่ปรึกษาการขาย พนักงานขาย และ เซลส์ อสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ค้นหาข้อมูลได้ซักพัก อยู่ดีๆ มันก็เริ่มมีโฆษณา บ้าน คอนโด ที่ดิน ต่างๆ ผุดขึ้นมาให้เห็นเป็นระยะๆ สิ่งที่น่าทึ่ง คือ ส่วนใหญ่สิ่งที่ใกล้เคียงกับที่ผมกำลังหาข้อมูลอยู่พอดี เรียกได้ว่า เหมือนกับอ่านใจกันได้เลยทีเดียว
ส่วนอีกตัวอย่างหนึ่งของ AI Marketing ที่เด่นชัดมาก คือ TikTok ที่หลายคนอาจไม่เคยสังเกตว่ามี AI มาคอยคุมทุกการทำงานเลย ตั้งแต่การจัดหมวดหมู่วิดีโอ การคัดกรองเนื้อหา การเลือกคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับแต่ละคนมานำเสนอ ซึ่งมันจะใช้ข้อมูลที่ได้จากการเรียนรู้พฤติกรรมการดูวิดีโอของผู้ใช้แต่ละคน ว่าสนใจหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคอนเทนต์แบบไหนมากที่สุด แล้วก็จะเลือกวิดีโอแนวเดียวกันนั้นขึ้นมาโชว์ให้เขาเห็นบ่อยๆ รวมถึง แทรกโฆษณาที่เกี่ยวข้องมาให้ดูด้วย
ในเวลาเดียวกัน เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีต่างๆ แล้ว Chatbot ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของ AI ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่มองเห็นและคุ้นเคยได้ง่ายที่สุดครับ เพราะวันนี้ไม่ว่าจะเข้าเว็บไซต์ไหนหรือแพลตฟอร์มอะไรก็ตาม ก็มักจะมีช่องแชทให้เราสอบถามข้อมูลหรือพูดคุยโต้ตอบกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Gemini AI หรือ Claude AI ซึ่งนั่นก็คือการใช้ Chatbot ในการจำลองบทสนทนาแบบมนุษย์นั่นเอง
อย่าง บริษัท HubSpot ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการตลาด ได้นำ Chatbot มาใช้เพื่อรับลูกเวลามีคนเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ โดย Chatbot จะทักทายลูกค้า สอบถามความต้องการเบื้องต้น ให้ข้อมูลคำแนะนำง่ายๆ หรือ ตอบคำถามที่พบบ่อย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินความสามารถของ AI ก็จะส่งต่อให้เจ้าหน้าที่มารับช่วงต่อได้อย่างราบรื่นครับ
นอกจากนั้น AI Marketing ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่เรื่องของการสื่อสารเท่านั้น มันสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น การคิดคอนเทนต์โฆษณาที่สร้างสรรค์ ก็สามารถใช้ AI ที่มีความสามารถด้านการประมวลภาษาธรรมชาติ หรือ NLP อย่าง ChatGPT, Gemini AI หรือ Claude AI มาช่วยแต่งข้อความให้เป็นธรรมชาติและดึงดูดใจมากขึ้น
การส่งอีเมลเพื่อสื่อสารกับลูกค้าจำนวนมากๆ ก็มีเครื่องมือที่ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการเปิดอีเมลของลูกค้าแต่ละคน เพื่อส่งในช่วงเวลาที่แต่ละคนมีแนวโน้มจะเปิดอ่านมากที่สุด รวมทั้ง แบ่งกลุ่มลูกค้าเพื่อทำการตลาดแบบเจาะจงเฉพาะกลุ่มก็สามารถทำได้แม่นยำขึ้นมาก เมื่อใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจากหลายๆ แหล่งมาประกอบกัน นี่ก็เพราะ AI จะสามารถเรียนรู้ความสัมพันธ์ของข้อมูลต่างๆ และ ระบุลักษณะร่วมของบุคคลแต่ละกลุ่มออกมาได้ดีกว่าการวิเคราะห์จากมุมมองของคนด้วยซ้ำ
แม้กระทั่ง ในเรื่องของการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหา เราก็สามารถใช้ AI เข้ามาช่วยได้เช่นกัน เพราะปัจจุบันเวลาที่เราค้นหาอะไรใน Google มันก็จะมี AI คอยประมวลผลคำค้นหาต่างๆ แล้ววิเคราะห์เนื้อหาในเว็บไซต์ทั้งหมด เพื่อคัดเลือกหน้าเว็บให้ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุดขึ้นมาแสดงผล ซึ่งทุกวันนี้ก็มีบริการเครื่องมือต่างๆ ที่นำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ทั้งคีย์เวิร์ดและคอนเทนต์ในหน้าเว็บ แล้วแนะนำวิธีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับโจทย์ของ Search Engine และมีโอกาสขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดบนหน้าผลการค้นหา
โดยภาพรวมแล้ว เราจะเห็นได้ว่าในยุคนี้แล้ว AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับงานด้านการตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า การสร้างคอนเทนต์ การโฆษณา การส่งข้อความสื่อสาร การแบ่งกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนการให้บริการหลังการขาย ซึ่งก็เป็นโอกาสของแต่ละธุรกิจที่จะสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองได้ตามต้องการ
และจากกระแสความนิยมที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้
มูลค่าตลาดของ AI ทั่วโลกขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุดมีมูลค่าสูงถึง 3.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13.7 ล้านล้านบาทไทย
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีการลงทุนและให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของ AI กันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาตอบโจทย์และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคในทุกๆ ด้าน
ทั้งนี้การที่ AI จะสามารถเก่งขึ้นเรื่อยๆ ได้นั้นก็ต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่มีการป้อนให้มันประมวลผลทุกวัน ทุกเวลา ทั้งจากผู้พัฒนาระบบเอง และ จากการใช้งานจริงของผู้ใช้นั่นเอง ซึ่งเมื่อ AI ได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เราก็อาจจะได้เห็นการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้ในอนาคต
เครื่องมือหรือแพลตฟอร์ม AI Marketing ที่น่าสนใจ
สำหรับองค์กรที่อยากเริ่มต้นใช้ AI Marketing อาจเริ่มจาก ระบบการตลาดอัตโนมัติพื้นฐานก่อน เพื่อช่วยทุ่นเวลาในการทำงานประจำที่ซ้ำๆ แล้วเมื่อคุ้นชินและเห็นประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นค่อยขยับไปลองใช้งานเครื่องมือที่ใช้ AI ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่มโดยพิจารณาจากข้อมูลที่มี จนกระทั่งสามารถใช้งานแบบ การตลาดอัตโนมัติ ที่ทำงานเชื่อมโยงกันได้ทั้งหมด ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูล การเลือกกลยุทธ์ ไปจนถึงการปรับแต่งแคมเปญให้ทันต่อสถานการณ์ โดยอาศัยการเรียนรู้และตัดสินใจของ AI เพื่อให้สามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในระดับที่ลึกและแม่นยำยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
ตัวอย่าง แพลตฟอร์มยอดนิยมที่สามารถใช้เป็น AI Marketing ได้แก่:
1. การเขียนข้อความด้วย AI เช่น Chatbot, Gemini with Gmail, Copilot in Window
2. การแนะนำสินค้าให้ตรงกับความสนใจของแต่ละบุคคล เช่น ระบบแนะนำสินค้า บน Lazada, Shopee, Netflix
3. การกำหนดกลุ่มเป้าหมายและระบุช่วงเวลาในการส่งข้อความ เช่น LINE Business Connect and CRM ที่มีระบบ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
4. การสร้างเนื้อหาและเลือกรูปภาพที่ตรงใจผู้รับ เช่น Midjourney, DALL-E, Adobe
5. การวิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกค้าและค้นหาอินไซต์เพื่อนำไปพัฒนาสินค้า เช่น Wisesight, Mandala
6. การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดและเนื้อหาบนเว็บไซต์เพื่อเพิ่มโอกาสในการขึ้นอันดับบน Search Engine หรือ การทำ SEO อย่าง SEMRush, Ahref
ซึ่งสุดท้ายแล้วการที่จะใช้ AI Marketing ให้ได้ผลดีที่สุด ยังจำเป็นต้องอาศัยทั้งความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์มาเป็นผู้กำหนดทิศทางและเป้าหมายหลักก่อน จากนั้นค่อยให้ AI ช่วยเสริมในเรื่องของการจัดการข้อมูลจำนวนมากและการตัดสินใจจากหลักตรรกะ เพื่อแปลงไอเดียให้ออกมาเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในทางปฏิบัติ ซึ่งหากทำได้สมดุลทั้งสองส่วนก็จะสามารถ ทำการตลาดที่แม่นยำ เฉียบคม และ เข้าถึงใจลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวโน้มในอนาคตของ AI Marketing
จากนี้เป็นต้นไป AI จะมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการตลาดมากขึ้นไปอีก ตั้งแต่การออกแบบกลยุทธ์โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายช่องทางแบบเรียลไทม์ เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและระบุกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการสื่อสารในแต่ละจังหวะ รวมถึงการคาดการณ์เทรนด์ในอนาคตเพื่อวางแผนป้องกันความเสี่ยงและปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ไปจนถึงการทดลองปรับใช้แคมเปญและวัดผลได้แบบทันที เพื่อให้สามารถพัฒนาและต่อยอดได้อย่างต่อเนื่อง โดยทุกขั้นตอนจะถูกขับเคลื่อนและเชื่อมโยงด้วยเทคโนโลยี AI ทำให้สามารถสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์
ดังนั้นการทำความเข้าใจและเริ่มปรับใช้เครื่องมือ AI เหล่านี้ให้เข้ากับกระบวนการทางการตลาด อย่างเช่น การให้บริการลูกค้า การใช้ระบบแนะนำสินค้าที่ตรงใจ การใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลหลายมิติเพื่อการสร้างคอนเทนต์ และจังหวะในการสื่อสารที่เหมาะสม หรือ การใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO ให้ปรากฎบนหน้าแรกของ Search Engine จึงอาจจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักการตลาดในยุคดิจิทัล ที่ต้องให้ความสำคัญและลงมือศึกษาเรียนรู้
ในอนาคต AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบและกระบวนการทำการตลาดไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยความสามารถในการเรียนรู้ คาดการณ์ และ ตัดสินใจจากข้อมูลมหาศาลได้อย่างแม่นยำรวดเร็ว ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถทำได้ในระดับเดียวกันกับ AI ดังนั้น AI จะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้นักการตลาดสามารถวางแผนกลยุทธ์ สร้างสรรค์เนื้อหา และ สื่อสารกับลูกค้าได้อย่างเฉียบคม เข้าถึงความต้องการเฉพาะบุคคลได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ระดับของการตลาดเชิงลึกแบบตัวต่อตัว หรือ หนึ่งต่อหนึ่ง ที่แม่นยำมากขึ้นกว่าที่เคยมีมา
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องระวังในเรื่องของความถูกต้องของข้อมูล ความน่าเชื่อถือของการตัดสินใจ รวมถึงประเด็นด้านจริยธรรมส่วนบุคคลต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ AI ด้วย ซึ่งยังจำเป็นต้องอาศัยมนุษย์เป็นผู้กำกับดูแลการทำงานให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม การนำ AI มาใช้นั้น ยังมีความท้าทายอีกมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของ ความถูกต้องแม่นยำของข้อมูล ความสามารถในการตีความและให้เหตุผลเชิงอารมณ์ ไปจนถึงประเด็นด้านความเป็นส่วนตัว และ จริยธรรมในการเก็บและใช้ข้อมูลของลูกค้า ซึ่งยังคงต้องพึ่งพาการควบคุมและตัดสินใจโดยมนุษย์เป็นหลักอยู่ดี การทำความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตความสามารถ และ ข้อจำกัดของเครื่องมือเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสอดคล้องกับบริบทของธุรกิจและสังคมได้อย่างเหมาะสม
AI กำลังจะเข้ามาปฏิวัติวงการการตลาดให้ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการสื่อสารที่มีความเป็นส่วนตัวและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อระบุความต้องการและสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจให้กับลูกค้าแต่ละคนได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับธุรกิจได้มหาศาล
แม้ตอนนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการใช้ AI Marketing แต่ด้วยอัตราการเติบโตและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ชี้ให้เห็นได้ชัดว่า ในไม่ช้านี้ AI น่าจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกแคมเปญและทุกแพลตฟอร์มการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ ผู้ที่สามารถปรับตัว เรียนรู้ และนำเอาศักยภาพของ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด จึงจะเป็นผู้ได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาดยุคนี้
ผมเชื่อว่าจากนี้เป็นต้นไป ยุคแห่ง AI Marketing จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับวงการ การตลาดดิจิทัล ไปอีกขั้นอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าใครไม่อยากตกเทรนด์หรือพลาดโอกาสดีๆ ก็คงต้องเริ่มศึกษาและทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพื่อวางตำแหน่งและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับยุคสมัยซึ่งรับรองว่าต่อจากนี้ โลกของการตลาดจะยิ่งสนุกและท้าทายกว่าที่เคยแน่นอน
สุดท้ายนี้ ผมเชื่อว่าการตลาดในอนาคตจะถูกขับเคลื่อนไปด้วย AI มากขึ้นเรื่อยๆ จากเทรนด์และความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ซึ่งผู้ที่สามารถผสานเอาความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์เข้ากับพลังในการประมวลผลของ AI ได้อย่างลงตัว ก็จะเป็นผู้ที่สามารถสร้างการตลาดที่โดดเด่น ตรงใจ และ สร้างความผูกพันกับลูกค้าได้อย่างยั่งยืน การเตรียมพร้อมเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และ ทดลองใช้งานเครื่องมือต่างๆ จึงเป็นการบ้านที่สำคัญสำหรับ นักการตลาดทุกคนในยุคนี้
นี่คือ ข้อมูลเกี่ยวกับ AI Marketing ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับ AI และการนำไปประยุกต์ใช้ในการตลาดไม่มากก็น้อยครับ ถ้ามีโอกาสผมจะมาอัปเดตเรื่องราวใหม่ๆ ให้ฟังกันอีก และ คุณสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นกับบทความนี้ ด้วยการคอมเม้นต์ด้านล่างหรือทักไลน์มาคุยกันได้ที่ @brandingchamp
คุณสามารถทดลองใช้คำสั่ง Prompt ในหนังสือเล่มนี้ เพื่อสร้างสรรค์และทำงานด้านการตลาดของคุณได้ทันที
อ่านแล้วค่ะ เป็นไอเดียในการสั่งงาน AI ด้านการตลาดได้อย่างดีเลย
ด้วยความยินดีมากๆเลยครับ และดีใจที่เนื้อหาเป็นประโยชน์ครับ