ทำ seo ต้องดู !… ตัวอย่าง กรณีศึกษา เอกสารรั่ว Google Leak ล่าสุด

ทำ seo ต้องดู !… ตัวอย่าง กรณีศึกษา เอกสารรั่ว Google Leak ล่าสุด

ทำ seo

ทำ SEO ทำไมคุณควรรู้ และ ทำความเข้าใจเหตุการณ์เอกสารรั่ว Google Leak ครั้งนี้ ในโลกของการทำการตลาดออนไลน์ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงบน Google หรือที่ เรียกว่า ” SEO ” ถือเป็นทักษะสำคัญที่นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจต้องให้ความสนใจ หลายปีที่ผ่านมา เราต่างพยายามทำความเข้าใจและปรับกลยุทธ์ SEO ตามแนวทางที่ Google ให้ข้อมูลไว้ ไม่ว่าจะผ่านทางบล็อกหรือการให้สัมภาษณ์ของคนในซึ่งเป็นตัวแทน Google เอง

เนื้อหา ทั้งหมดนี้ รวมทั้งรูปภาพ มาจาก An Anonymous Source Shared Thousands of Leaked Google Search API Documents with Me; Everyone in SEO Should See Them

An Anonymous Source Shared Thousands of Leaked Google Search API Documents with Me; Everyone in SEO Should See Them

https://sparktoro.com/blog/an-anonymous-source-shared-thousands-of-leaked-google-search-api-documents-with-me-everyone-in-seo-should-see-them/

ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2024 เกิดเหตุการณ์ใหญ่ ที่สั่นสะเทือนวงการ SEO เมื่อมีเอกสารภายในของ Google รั่วไหลออกมา กว่า 2,500 ไฟล์ เอกสารเหล่านี้ประกอบด้วยรายละเอียดเชิงลึก เกี่ยวกับ อัลกอริทึมการจัดอันดับของ Google ที่ไม่เคยมีการเปิดเผยสู่สาธารณะมาก่อน ซึ่งข้อมูลบางส่วนยังขัดแย้งกับสิ่งที่ Google เคยบอกเราเอาไว้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอีกด้วย

การรั่วไหลครั้งนี้ ส่งผลให้ทุกคนที่ ทำ SEO จำเป็นต้องเข้าใจและทบทวนความรู้ใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเอกสารที่ถูกเปิดเผยออกมานั้น เผยถึงปัจจัยการจัดอันดับและกลไกการทำงานภายในของ Google ที่นักทำ SEO หลายคนเคยเข้าใจผิดมาโดยตลอด หากเป็นคนทำ SEO แล้วยังไม่รู้เรื่องนี้ คุณอาจใช้เทคนิคที่ไม่เกิดประโยชน์ หรือ แม้กระทั่งส่งผลเสียต่อการทำอันดับเว็บไซต์โดยไม่รู้ตัว

มีอะไรบ้างที่ น่าตกใจ น่าสนใจ จากเอกสารภายในชุดนี้? เรามาไล่เรียงไปทีละประเด็นกัน

NavBoost และ Glue กลไกลับในการใช้ข้อมูลคลิกสตรีมจากผู้ใช้ Chrome เพื่อหาคำค้นยอดนิยมและจัดอันดับเว็บ ซึ่ง Google ไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการ

คุณภาพและความยาวนานของการคลิกต่อเนื่อง Google ใช้พฤติกรรมการคลิกเข้าชมผลการค้นหา รวมถึง ความพึงพอใจของผู้เข้าใช้เว็บ เพื่อนำมาพิจารณาจัดอันดับ มันเป็นสิ่งที่เคยถูกปฏิเสธโดยตัวแทน Google มาโดยตลอด

White List ไวท์ลิสต์ มีหลักฐานแสดงว่า Google จัดทำรายชื่อเว็บไซต์ที่ถูกพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับการค้นหาบางหมวดหมู่ เช่น โควิด การเมือง และ ท่องเที่ยว

คะแนน E-E-A-T จากผู้ประเมินคุณภาพเว็บ ถูกนำมาใช้เป็นปัจจัยการจัดอันดับ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ชัดเจนตรงไปตรงมาเท่าที่หลายคนเข้าใจ

ปัจจัยการจัดอันดับดั้งเดิม เช่น PageRank และ ลิงก์ มีความสำคัญลดลงเรื่อยๆ ขณะที่ความตั้งใจของผู้ใช้และพฤติกรรมการค้นหากลับมีบทบาทสูงขึ้น

หลักฐานที่บ่งชี้ว่า Google อาจใช้ข้อมูลการคลิก มาใช้ในการประเมินคุณภาพและการถ่วงดุลประมาณของลิงก์ด้วย ทั้งๆ ที่แต่ก่อน มักจะให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆ เช่น Authority ของโดเมนต้นทาง

และที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ เอกสารชุดนี้ได้รับการยืนยันความถูกต้องและความน่าเชื่อถือโดยอดีตพนักงาน Google หลายคน ที่ออกมาให้ข้อมูลว่า สิ่งที่ถูกเปิดเผยในเอกสารรั่วไหลนั้น ตรงกับความรู้ภายในที่พวกเขาเคยเห็นตอนทำงานที่ Google ซึ่งช่วยยืนยันว่า เราไม่ได้กำลังดูข้อมูลที่ถูกปลอมแปลงอยู่แต่อย่างใด

อีกประเด็นที่ชวนให้ขบคิดก็ คือ เรากำลังพูดถึงการรั่วไหลที่มีขนาดใหญ่และรายละเอียดมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นกับ Google เลยก็ว่าได้ เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา เราไม่เคยเห็นเอกสารไหนที่มาจากภายใน Google โดยตรง ที่พูดถึง เบื้องหลังการทำงานของอัลกอริทึมการทำ SEO ได้ลึกขนาดนี้มาก่อน

นี่จึงเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ผู้อยู่ในวงการ SEO ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีความเป็นไปได้ว่า ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการทำ SEO ที่เรายึดถือกันมานาน กำลังจะถูกเปิดโปง หากเราไม่ตื่นตัว ไม่ปรับความรู้ความเข้าใจให้ทันกับความจริงที่ถูกเผยออกมา การทำSEO ของเราอาจจะผิดไปทิศผิดทางจนไม่สามารถแก้ไขได้ทัน และอาจจะส่งผลให้เว็บไซต์ของเรามีอันดับที่ตกลงเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เคยใช้วิธีนี้แล้วได้ผลมาก่อน

ดังนั้น เพื่อไม่ให้ตกขบวนและเสียโอกาสทางธุรกิจไป การติดตามอ่านข่าวการรั่วไหลนี้อย่างใกล้ชิดจึงเป็นการบ้านชิ้นสำคัญของนักทำ SEO ทุกคน อย่ารอช้าที่จะอัปเดตความรู้ของตัวเอง จากนี้ไป SEO อาจไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว!

 

เหตุการณ์เอกสาร API ที่เกี่ยวกับการทำ SEO รั่ว ( Google Leak ) 

เรื่องราวการรั่วไหลเริ่มต้นขึ้นเมื่อ วันที่ 5 พฤษภาคม 2024 โดย Rand Fishkin ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ชื่อดัง ได้รับอีเมลจากบุคคลปริศนาที่แนะนำตัวเองว่าชื่อ Erfan Azimi ในอีเมลนั้น Erfan อ้างว่า เขามีสิทธิ์เข้าถึง เอกสาร API กว่า 2,500 ไฟล์ ที่รั่วไหลมาจากแผนก Search Engine ของ Google ซึ่งเขาบอกว่า เอกสารเหล่านี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นของแท้ โดยอดีตพนักงาน Google 

 

ในตอนแรก Rand รู้สึกสงสัยไม่แน่ใจกับข้อมูลที่ได้รับ แต่เมื่อได้ศึกษาเอกสารอย่างละเอียด เขาพบว่า มีหลายประเด็นที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ Google เคยแถลงไว้ต่อสาธารณะ อาทิ การปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้สัญญาณจากพฤติกรรมการคลิกของผู้ใช้ , ไม่ได้แยกโดเมนย่อย (Sub domain) ในการจัดอันดับ , ไม่มีแซนด์บ็อกซ์สำหรับเว็บใหม่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ถูกพูดถึงอย่างชัดเจนในเอกสารรั่วไหล ซึ่งชวนให้เกิดความสงสัยว่า Google พูดความจริงกับเรามาตลอดหรือเปล่า?

Rand พยายามหาหลักฐานเพิ่มเติมและยืนยันความน่าเชื่อถือของเอกสาร เขาติดต่อขอความเห็นจากอดีตพนักงาน Google ที่รู้จัก ซึ่งหลายคนให้คำตอบไปในทางเดียวกันว่า เอกสารเหล่านี้มีโครงสร้างรูปแบบและข้อมูลตรงกับคู่มือภายในที่พวกเขาเคยเห็นและใช้ตอนทำงานกับ Google ซึ่งทำให้ Rand เพิ่มความมั่นใจว่า ไม่ได้กำลังดูเอกสารปลอม

ในช่วงพูดคุยทาง ซูม กับ Erfan แหล่งข่าว เขาได้แสดงภาพถ่ายเอกสารรั่วไหลส่วนหนึ่งให้ Rand ดู ซึ่งมันมีรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับกลไกการทำงาน ของอัลกอริทึมในการค้นหา เช่น Navboost หรือที่เข้าใจว่า เป็น ข้อมูลการคลิกจากผู้ใช้เพื่อนำมาเป็นปัจจัยการจัดอันดับ หรือ ตัวอย่างโค้ดที่เกี่ยวกับการประเมินคุณภาพหน้าเว็บ นับเป็นหลักฐานที่หนักแน่นทีเดียว

เพื่อยืนยันสิ่งที่พบให้ชัวร์ Rand ยังได้ติดต่อ Mike King ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค SEO ชั้นนำ ให้ช่วยวิเคราะห์เอกสารอีกทีหนึ่ง และ Mike ก็ยืนยันว่าเอกสารเหล่านี้ ดูสอดคล้องกับสิ่งที่เขาเคยเห็นในการให้ปากคำของ Google ในคดีกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ที่ผ่านมา เช่น การกล่าวถึง Navboost ซึ่ง คือ หนึ่งในสัญญาณการจัดอันดับที่แข็งแกร่งที่สุดของ Google

นอกจากนี้ จากหลักฐานในเอกสารชุดนี้ ยังมีอีกหลายสิ่งที่ Google เคยปฏิเสธไว้อย่างหนักแน่นก่อนหน้านี้ เช่น การพึ่งพาระบบประเมินคุณภาพโดย มนุษย์ เพื่อช่วยในการจัดอันดับ

ด้วยข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเหตุการณ์รั่วไหลครั้งนี้เป็นเรื่องจริง เนื้อหาในเอกสารชุดนี้ สะท้อนถึงความจริงบางอย่างที่ Google ไม่เคยต้องการให้เราในฐานะนักทำ SEO รู้มาก่อน ความลับที่ถูกปกปิดมานานกำลังถูกเปิดเผย ซึ่งมันมีแนวโน้มสูงว่า จะส่งผลกระทบต่อแนวทางการทำ SEO ในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามอง คือ ในขณะที่ Rand และทีมงานกำลังขะมักเขม้นกับการวิเคราะห์เอกสารรั่วไหลนี้ บรรดาเหล่าผู้เชี่ยวชาญและนักทำ SEO ทั่วโลกก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน หลายคนพยายามคิดวิเคราะห์ว่า นี่จะส่งผลอย่างไรต่อแนวทางการทำ SEO ที่เราคุ้นเคย บ้างก็มองว่า นี่คือ การปฏิวัติวงการ SEO ครั้งสำคัญ ขณะที่บางกลุ่มก็ยังคงรอดูสถานการณ์และหลักฐานเพิ่มเติมก่อนที่จะด่วนสรุป

ขณะเดียวกัน สื่อและบล็อกด้านการตลาดออนไลน์หลายสำนัก ก็พากันรายงานข่าวการรั่วไหลนี้แบบวันต่อวัน ต่างอยากนำเสนอข้อมูลเบื้องลึกเกี่ยวกับอัลกอริทึม Google ที่เพิ่งเปิดเผยสู่สาธารณะให้ได้มากที่สุด ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของเหตุการณ์นี้ในโลกของ SEO และการตลาดดิจิทัล

แต่ท่ามกลางกระแสการรายงานข่าว สิ่งหนึ่งที่ Rand สังเกตเห็น และ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก ก็คือ ยังมีสื่อ SEO จำนวนไม่น้อยที่ดูเหมือนจะเขียนข่าวแบบไม่ค่อยกล้าวิพากษ์วิจารณ์ Google ซักเท่าไหร่ และยังคงยึดติดกับการนำเสนอมุมมองด้านเดียวกับที่ Google เคยบอกไว้ ทั้งๆ ที่หลักฐานจากเอกสารรั่วไหลบางส่วนก็ชี้ชัดแล้วว่า Google เคยพูดปดอะไรไว้บ้าง

Rand มองว่าถึงเวลาแล้วที่วงการสื่อ SEO จะต้องเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะรายงานข่าวด้วยความเป็นกลาง ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ไม่ใช่คอยเชียร์ Google เพราะมันจะไม่ก่อประโยชน์ใดๆ ต่อคนทำ SEO อย่างพวกเราเลย

ในทางกลับกัน หากคนทำ SEO อย่างเราๆท่านๆ มีข้อมูลที่ถูกต้อง รู้ความจริงว่า Google ให้ความสำคัญกับปัจจัยอะไรบ้างในการจัดอันดับ มันจะช่วยให้เราปรับกลยุทธ์ได้ดีขึ้น เลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสม และ ใช้เวลากับสิ่งที่ให้ผลจริงๆ ไม่ใช่เสียเวลาไปกับสิ่งที่เราคิดว่า Google อยากให้ทำ ทั้งที่จริงๆ แล้วอาจไม่ได้ผลอะไรเลยก็เป็นได้

นี่จึงเป็นโอกาสทองครั้งสำคัญของ SEO ในการเรียนรู้ความจริง และ ปรับตัวให้ทันกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นนักทำ SEO เจ้าของเว็บไซต์ หรือ สื่อ ในการเปิดรับข้อมูลใหม่ๆ แชร์ความรู้ที่ถูกต้อง และกล้าเปิดใจรับความจริง มันอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแวดวง SEO ก็เป็นได้ เราอาจได้เห็นเทคนิคและกลยุทธ์ใหม่ๆ ในการทำอันดับเว็บที่ไม่เคยมีใครคิดถึงมาก่อน หรือ ได้เรียนรู้ปัจจัยการจัดอันดับที่ซ่อนเร้นอยู่ ซึ่งจะช่วยให้การทำ SEO ในอนาคตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

กรณีศึกษาตัวอย่างนี้ คือ การเดินทางครั้งใหม่ของชาว SEO ที่จะได้ร่วมกันค้นหาความจริงและปรับตัวไปพร้อมๆ กัน ภายใต้โลกของ Google SEO ที่อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ในตอนท้ายของการสนทนา Rand ยังได้ถามถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของ Erfan ในการนำข้อมูลเหล่านี้มาเปิดเผย ซึ่ง Erfan ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาอยากเห็นความโปร่งใสมากขึ้นในวงการ SEO เขาไม่อยากให้ Google ผูกขาดข้อมูลสำคัญๆ เอาไว้คนเดียว ในขณะที่คนทำเว็บ SEO ต้องมานั่งเดาเอาเองว่า อัลกอริทึมในการค้นหา ให้ความสำคัญกับอะไร หรือ ไม่มีใครกล้าออกมาท้วงหรือตั้งคำถามซักเท่าไหร่ เมื่อ Google ให้ข้อมูลบางอย่างที่ฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล

Erfan บอกว่าเขาเชื่อมั่นในพลังของการแบ่งปันความรู้ เมื่อทุกคนเข้าถึงข้อมูลชุดเดียวกัน ได้เรียนรู้กลไกที่แท้จริงของ Google โดยไม่มีการปิดบัง มันจะช่วยให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการทำ SEO สร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ได้ตรงจุดมากขึ้น แทนที่จะต้องมาเสียเวลาไปกับการคาดเดาว่า Google ต้องการอะไรกันแน่ ซึ่งหลายครั้งก็ไม่ได้อิงกับความเป็นจริง แล้วทุกคนก็แค่ทำตามๆ กันไป เหมือนที่ผ่านมา

ท้ายสุด Erfan ฝากข้อคิดให้ Rand ช่วยสื่อสารกับชุมชน SEO ว่า นี่คือเวลาของการตื่นตัวและลุกขึ้นมาเรียนรู้ ใครก็ตามที่ยังทำ SEO อยู่ จำเป็นต้องติดตามเรื่องราวการรั่วไหลนี้อย่างใกล้ชิด ศึกษาข้อมูลในเชิงลึก แล้วนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์ SEO ของตัวเอง มิเช่นนั้น อาจตกขบวนกับโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว

นี่คือเรื่องราวของการรั่วไหลครั้งใหญ่ที่กำลังจะเขย่าวงการ SEO ให้สั่นสะเทือนจากรากฐาน ทุกอย่างที่เราเคยรู้ เคยเชื่อ เกี่ยวกับแนวทางการทำให้เว็บติดอันดับดีใน Google อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พลังของข้อมูลและความจริงที่ถูกเปิดเผยจะเป็นตัวปลุกให้เหล่านักทำ SEO ต้องออกมาเผชิญหน้า และปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

 

คน ทำ SEO ต้องปรับตัวอย่างไร กับ เหตุการณ์นี้

เมื่อความจริงเกี่ยวกับกลไกการทำงานของ Google ค่อยๆ ถูกเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ จากการรั่วไหลของเอกสารในครั้งนี้ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยสำหรับ คนทำ SEO และ เจ้าของเว็บไซต์ อย่างเรา ก็คือ เราจำเป็นต้องเปิดใจยอมรับความจริง ปรับกลยุทธ์ และ วิธีการทำ SEO ให้สอดคล้องกับแนวทางที่ Google กำลังมุ่งไป มิเช่นนั้น เว็บไซต์ของเราอาจสูญเสียอันดับและปริมาณการเข้าชมไปโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว

การปรับตัวครั้งนี้ อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเท่ากับว่าเราต้องลืมทุกสิ่งที่เคยรู้เกี่ยวกับการ ทำ SEO แล้วเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่หมด แต่ถ้าอยากอยู่รอดในโลกของ Google ที่มีการแข่งขันสูง เราคงหนีไม่พ้นจุดนี้

ลองมาดูกันว่า เราควรมีแนวทางอย่างไรในการรับมือและปรับกลยุทธ์ SEO ให้สอดคล้องกับความจริงที่ค่อยๆ ปรากฏออกมา

1. ให้ความสำคัญกับแบรนด์และความนิยมของแบรนด์ให้มากขึ้น

จากหลักฐานในเอกสารที่รั่วไหล ชี้ชัดว่า Google ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากผู้ใช้เป็นอย่างมาก ดังนั้น การทำ SEO ที่ดีในยุคนี้ไม่ได้เป็นแค่ การปั๊มคีย์เวิร์ด ปั๊มลิงก์ หรือ โปรโมทเว็บเฉพาะบน Google อีกต่อไป แต่เราจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยวิธีอื่นๆ นอกจาก SEO เช่น การทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย, การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านทางอีเมล เป็นต้น เป้าหมาย คือ การสร้างให้แบรนด์ของเรา เป็นที่จดจำ มีชื่อเสียง และ เป็นตัวเลือกแรกๆ ในใจลูกค้าเวลาที่พวกเขาจะค้นหาสินค้าหรือบริการ บน Google

ทำ seo จาก เอกสารรั่ว Google Leak
https://sparktoro.com/blog/an-anonymous-source-shared-thousands-of-leaked-google-search-api-documents-with-me-everyone-in-seo-should-see-them/

 

2. เน้นสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้อย่างแท้จริง

จากเดิมที่หลายคนเข้าใจว่าต้องสร้างเนื้อหาให้ถูกใจ Google เสียก่อน โดยยัดคีย์เวิร์ดให้มากที่สุด ตอนนี้เราอาจต้องปรับความคิดใหม่ ให้กลับมามองที่ตัวผู้ใช้เป็นหลักแทน สร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์และช่วยแก้ปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายของเราได้จริงๆ เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ Google ต้องการ คือ การนำพาผู้ใช้ไปสู่เนื้อหาที่มีคุณภาพและตอบโจทย์พวกเขามากที่สุด ซึ่งพิสูจน์ได้จากข้อมูลพฤติกรรมการค้นหาที่ Google มีอยู่ในมือ

ทำ seo จาก เอกสารรั่ว Google Leak
ทำ seo จาก เอกสารรั่ว Google Leak

 

3. ทำให้เว็บไซต์น่าใช้และมีประสบการณ์ที่ดี

อีกสิ่งที่เห็นได้ชัดจาก เอกสารที่รั่วไหล คือ Google ให้ความสำคัญกับ User Engagement Signals หรือ สัญญาณที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อเว็บไซต์ ทั้งจาก อัตราการคลิก ระยะเวลาที่ใช้บนเว็บ จำนวนหน้าที่เข้าชม ฯลฯ ซึ่งหมายความว่า การมีเนื้อหาที่ดีอย่างเดียวอาจไม่พอ ถ้าเว็บของเราใช้งานยาก โหลดช้า หรือ ทำให้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่แย่ๆ ก็มีสิทธิ์ถูก Google ลดคะแนนและลดอันดับลงได้ เราจึงต้องให้ความใส่ใจกับการออกแบบเว็บไซต์ ทั้ง UI และ UX ควบคู่ไปกับการทำ SEO ด้วย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าชม และ เพิ่มอัตราการ Engagement นั่นเอง

4. ดูแลเรื่องคุณภาพลิงก์ให้ดี

แม้ดูเหมือนจะมีความสำคัญลดลง แต่เอกสารรั่วไหลก็ยืนยันว่า ระบบลิงก์ (Backlink) ยังคงถูกใช้ในการจัดอันดับอยู่ เพียงแต่ Google อาจให้น้ำหนักกับคุณภาพของลิงก์ มากกว่า จำนวนลิงค์ โดยพิจารณาจากปัจจัย อย่างเช่น ความน่าเชื่อถือของโดเมนต้นทาง ปริมาณการคลิก ฯลฯ ดังนั้น จึงควรเน้นไปที่การสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพ ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย มีปริมาณการคลิกสูง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำอันดับเว็บในระยะยาว มากกว่าการฝากลิงค์เยอะๆ Mass Link Building แบบสมัยก่อน

ทำ seo จาก เอกสารรั่ว Google Leak
ทำ seo จาก เอกสารรั่ว Google Leak

 

5. ไม่รีบด่วนสรุป แต่ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกำลังช่วยกันวิเคราะห์และถอดรหัสความหมายที่แท้จริงในเอกสารรั่วไหลอย่างละเอียด ชาว SEO อย่างเรา ก็ยังคงต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด และค่อยๆ ปรับกลยุทธ์ของเราไปทีละนิด อย่ารีบด่วนสรุปหรือหันไปใช้เทคนิคใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ประสิทธิภาพมาก่อน แต่ให้ศึกษาข้อมูลจากหลายๆ มุม ก่อนค่อยตัดสินใจว่าจะปรับ SEO อย่างไรถึงจะดีที่สุด

สรุปแล้ว การรั่วไหลครั้งนี้ จะส่งผลต่อแนวทางการทำ SEO อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนทำ SEO ที่ไม่ยอมปรับตัว ไม่เปิดใจเรียนรู้ความจริงใหม่ๆ ก็อาจสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันไป หากเทียบกับ คนที่กระตือรือร้นในการติดตามข่าวสารและนำข้อมูลเชิงลึกไปปรับใช้

แต่ในอีกมุมหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงก็มักเป็นโอกาสเสมอ หากเรายอมรับมันและปรับตัวให้เข้ากับกฎใหม่ เราก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการทำ SEO รูปแบบใหม่ ได้เช่นกัน มันอาจเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของการตลาดออนไลน์ ที่ใครก็ตามพร้อมจะลองผิดลองถูก กล้าที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ก็มีสิทธิ์ที่จะได้เปรียบคู่แข่ง และครองเจ้าอันดับหน้าแรกบน SERP ของ Google ไปได้อีกนาน

นี่จึงเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของ คนทำ SEO ทุกคน ว่าใครพร้อมจะปรับตัว ใครกล้าที่จะลุกขึ้นมาเผชิญความจริง เพื่อพิชิตความสำเร็จรูปแบบใหม่ ในโลกของ SEO และการตลาดออนไลน์ที่กำลังจะเปลี่ยนไป

คุณสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยการคอมเม้นต์ไว้ด้านล่างหรือทักไลน์มาคุยกันได้ที่ @brandingchamp

ทำ seo จาก เอกสารรั่ว Google Leak
https://sparktoro.com/blog/an-anonymous-source-shared-thousands-of-leaked-google-search-api-documents-with-me-everyone-in-seo-should-see-them/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *